ในที่สุดสก็อต ปาร์คเกอร์ มิดฟิลด์เลือดผู้ดี อังกฤษ ก็โบกมือลา ถิ่นไวท์ ฮาร์ท เลน ของทีมท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์ ย้ายซบทีมเจ้าสัวน้อย ฟูแล่มเป็นที่เรียบร้อย เนื่องจากการมาของ มิดฟิลด์รายใหม่อย่าง เปาลินโญ่ และกาปู ทำให้ที่ยืนในตำแหน่งตัวจริงของปาร์คเกอร์ในทีมสเปอร์ภายใต้การนำของโบอาสในหายไปทันที ครั้นจะให้ปาร์คเกอร์นั่งเป็นตัวสำรองรอโอกาสอยู่ข้างสนามด้วยวัยสามสิบสองปีนั้นก็ดูเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับได้ ด้วยอายุที่มากขนาดนี้แล้ว ระยะเวลาที่จะเหลือพละกำลังที่จะพอค้าแข้งได้ก็ไม่กี่ปีแล้ว ถ้ามัวมานั่งรองโอกาสอยู่ข้างสนาม
มีหวังได้ปิดอาชีพค้าแข้งตัวเองแบบไม่เหลือผลงานดีๆที่น่าจดจำไว้อย่างที่เจ้าตัวแพลนไว้ก็ได้ ที่สำคัญก็คือในปีหน้าซึ่งเป็นปีที่ฟุตบอลโลกจะกลับมาทำการแข่งขันกันที่ประเทศบราซิลนั้น ปาร์คเกอร์ก็คงเป็นอีกหนึ่งนักเตะอังกฤษที่มีความหวังจะได้ติดธงไปรับใช้ชาติด้วย ดังนั้นถ้าไม่รีบหาโอกาสลงสนามด้วยการย้ายไปอยู่กับทีมเล็กๆ ที่พร้อมให้โอกาสเขาได้ลงสนาม ก็อาจต้องโบกมือลาโอกาสในการแย่งชิงตำแหน่งในทีมชาติตั้งแต่เนิ่นๆเลย ด้วยการพิจารณาเลือกผู้เล่นไปติดทีมชาติแต่ละยุคสมัยนั้น กุนซือทีมชาติมักจะเลือกโดยวัดเอาจากผลงานการลงสนามในปัจจุบัน คือ ถ้ามีโอกาสลงสนามต่อเนื่อง แม้ว่าจะไม่ใช่ทีมใหญ่ๆ แต่สามารถโชว์ผลงานส่วนตัวได้ดี ช่วยทีมได้เยอะ ก็จะถูกเรียกเข้าไปติดทีมชาติในเวลานั้นๆ
ดังนั้นปาร์คเกอร์ก็กำลังทำให้สิ่งที่ผมเคยกล่าวไปนานแล้วว่าถ้านักเตะอยากติดทีมชาติสิ่งแรกที่ต้องทำก็คือ การหาโอกาสลงสนามให้ได้มากที่สุด ส่วนในเรื่องของระยะสัญญาที่ปาร์คเกอร์เซ็นต์กับทีมเจ้าสัวน้อย ฟูแล่มนั้น เป็นระยะเวลา 3 ปี แต่สำหรับค่าตัวที่ซื้อขายกันระหว่างฟูแล่ม กับสเปอร์นั้นไม่ได้มีการเปิดเผยออกมาอย่างเป็นทางการ แต่ส่วนตัวคาดว่าคงไม่มากเท่าไหร่ เพราะดูจากอายุและสถานะในทีมสเปอร์ที่ต้องตกเป็นตัวสำรองไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เรื่องเหล่านั้นไม่ได้มีผลต่อฟอร์มการเล่นกับทีมใหม่ ฉะนั้นสก็อต ปาร์คเกอร์อาจมาโชว์ฟอร์มดีสุดยอดได้อีกครั้งกับทีมฟูแล่มจนพาให้ทีมฟูแล่มติดอันดับดีๆในตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก และพาให้ตัวเองติดทีมชาติอังกฤษไปลุยฟุตบอลโลกก็เป็นได้
