Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Journalist

Pages: [1] 2 3 ... 61
1

       ถึงตอนนี้น่าจะเรียกว่าใกล้อำลาทีมเต็มทีแล้วล่ะสำหรับทางด้านของ มาร์ติน สเคอเทล ปราการหลังเลือดสโลวักของทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวร่วมกับทีมมานานหลายปี เพราะล่าสุดมีสื่อตีข่าวออกมาแล้วว่า เบซิคตัส ยักษ์ใหญ่จากแดนไก่งวง กำลังจะบรรลุข้อตกลงคว้ากัปตันทีมชาติสโลวะเกียรายนี้ไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 7 ล้านปอนด์

       หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่จอมบู๊ของหงส์แดงแสดงออกมาชัดเจนแล้วว่า นักเตะไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมซีซั่นใหม่ของตนเอง โดยในส่วนของผู้เล่นตำแหน่งเกมรับหรือปราการหลังตัวกลางนั้น นายใหญ่ชาวเยอรมันเลือกให้ความไว้วางใจกับสองแข้งอย่าง เดยัน ลอฟเรน และ มามาดู ซาโก้ มากกว่า

       ทั้ง โจเอล มาติป ที่หมดสัญญากับชาลเก้ 04 ในเยอรมัน ก็เซ็นสัญญาซบหงส์แดงล่วงหน้าไปตั้งนานแล้วด้วยเท่ากับว่าอย่างน้อยๆ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็มีตัวเลือกกองหลังคุณภาพให้ใช้งานในซีซั่นหน้าอย่างน้อยสามรายแล้ว

       อย่างไรก็ตามสื่อรายงานว่า มาร์ติน สเคอเทล คือเป้าหมายการเสริมทัพที่สำคัญลำดับต้นๆของเบซิคตัสในซัมเมอร์นี้แต่ก็ไม่ถือว่าง่ายซะทีเดียวที่จะลงเอยดีลได้ที่ราคา 7 ล้านปอนด์ เพราะนักเตะเองก็ยังพอมีทางเลือกที่จะเล่นในพรีเมียร์ลีก อังกฤษต่อไปเนื่องจากได้รับความสนใจจากทีมร่วมลีกอยู่เหมือนกัน งานนี้จึงต้องวัดใจนักเตะเอาด้วยว่าจะหาญกล้าเลือกย้ายไปสวมเสื้อทีมอื่นในลีก เพื่อให้ได้เล่นที่พรีเมียร์ลีกต่อไปหรือไม่

       สำหรับ มาร์ติน สเคอเทล นั้นเป็นนักเตะกองหลังที่มีจุดเด่นในเรื่องของความแข็งแกร่งของร่างกาย โดยเป็นนักเตะที่มีปัญหาบาดเจ็บแบบนับครั้งได้เลย และลงเล่นให้กับหงส์แดงสม่ำเสมอมากที่สุดคนนึง เคยสร้างสถิติลงเล่นให้ทีมครบทุกเกมตลอดระยะเวลาหนึ่งซีซั่นมาแล้วด้วย โดยนักเตะย้ายจาก เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ทีมดังในรัสเซียมาร่วมทีมหงส์แดงเมื่อปี 2008 ด้วยค่าตัว 6 ล้านยูโรนับถึงตอนนี้ก็เป็นระยะเวลาสิบปีแล้วที่เจ้าตัวอยู่ค้าแข้งในถิ่นแอนฟิลด์

2

       เป็นอันว่าค่อนข้างชัดเจนมากถึงมากที่สุดแล้วสำหรับอนาคตของ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช กองหน้าวัยเก๋าชาวสวีดิชที่กำลังจะหมดสัญญากับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ว่าน่าจะได้ย้ายมาฝากอนาคตไว้กับยอดทีมแห่ง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อย่าง ปีศาจแดง เพราะหลังจากที่สื่อหลายสำนักได้มีการกระพือข่าวเชื่อมโยงทั้งสองฝ่ายออกมาอย่างหนัก ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุดก็เป็นทางด้านของเดอะ ซัน สื่อดังของอังกฤษที่ออกมาตอกย้ำความชัดเจนของเรื่องนี้ด้วยการตีข่าวเชิงเผยข้อมูลว่า

       ทางสโมสรปีศาจแดงนั้นกำลังเตรียมต้อนรับการมาของดาวยิงมหัศจรรย์วัยเก๋ารายนี้แล้ว ด้วยการสับเปลี่ยนเบอร์เสื้อนักเตะในแนวรุกของทีมปัจจุบันเพื่อเคลียร์เบอร์ 9 ไว้ให้อดีตกองหน้า เอซี มิลาน สวมใส่ โดยเดิมทีในซีซั่นนี้เสื้อเบอร์ 9 เป็น อองโตนี่ มาร์กซิอัล หอกดาวรุ่งพุ่งแรงที่ย้ายมาจาก อาแอส โมนาโก เมื่อซัมเมอร์ปีก่อนเป็นผู้สวมใส่

       แต่ปีศาจแดงเลือกที่จะขอคืนเสื้อเบอร์นี้ และให้ทางมาร์กซิอัลโยกไปใส่เบอร์ 7 ซึ่งก็นับเป็นอีกหนึ่งเบอร์สำคัญของทีมแทน เนื่องจากผู้ที่เป็นเจ้าของเบอร์ 7 ในปัจจุบันก็คือ เมมฟิส เดอปาย ปีกดัตซ์แมนที่อนาคตเจียนอยู่เจียนไปจากถิ่นโอลแทรฟฟอร์ดเต็มทีแล้ว

       ส่วนประเด็นอื่นๆที่ออกมาในช่วงนี้ซึ่งเกี่ยวข้องกับ อิบราฮิโมวิช และ ปีศาจแดง นอกเหนือจากเรื่องของเบอร์เสื้อตามที่เดอะ ซันตีออกมานี้แล้วก็ยังมีในส่วนของ คาร์โล อันเชล็อตติ ว่าที่นายใหญ่คนใหม่ของทีมเสือใต้ที่ได้ออกมากล่าวแสดงความยินดีกับการเสริมทัพครั้งนี้ของปีศาจแดง

       โดย อันเช่ เผยว่าการเสริมทัพด้วยการดึงเอา ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ไปร่วมทีมเพราะด้วยฝีเท้าที่ยอดเยี่ยม และประสบการณ์ที่มากล้นของนักเตะนั้นจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการประคองบรรดาแข้งเจเนอเรชั่นใหม่ของปีศาจแดง

       สำหรับ อันเชล็อตติ กับ อิบราฮิโมวิช นั้นมีโอกาสได้ร่วมงานกันเมื่อตอนที่อันเชล็อตติกุมบังเหียน ปาริเซียง อยู่ก่อนที่จะโยกมารับงานคุมทีม เรอัล มาดริด ในลาลีกา สเปน

Image From: http://forums.888scoreonline.com/index.php/topic,2136.0.html

3

       จากที่เป็นข่าวว่าจะย้ายออกจากทีมอยู่ร่อมร่อ ดูท่าว่าจะได้อยู่เล่นด้วยกันต่อไปยาวๆซะแล้วสำหรับ อเล็กซิส ซานเชซ ดาวเตะชิลีของทีมปืนโต อาร์เซน่อล เพราะล่าสุดได้มีการออกมาทวิตยืนยันจากสโมสรอาร์เซน่อลเองว่านักเตะได้ตกลงเปลี่ยนหมายเลขเสื้อจากเดิมที่ใส่หมายเลข 17 ไปเป็นหมายเลข 7 สำหรับการลงบู๊ในซีซั่นหน้า

       ทั้งนี้อย่างที่ทราบกันก่อนหน้าในช่วงท้ายๆซีซั่น อเล็กซิส ตกเป็นข่าวอย่างหนักว่าต้องการย้ายออกจากทีม เนื่องจากไม่ค่อยแฮปปี้กับนโยบายการพัฒนาสโมสร ที่ไร้ซึ่งความกระตือรื้อร้นในการคว้าความสำเร็จ รวมถึงเพื่อนร่วมทีมที่มีการเล่นอันไร้ชีวิตชีวาในสายตาของตนเอง

       กระนั้น อาร์แซน เวนเกอร์ นายใหญ่เฟร้นแมนของทีมก็ได้ออกมายืนยันฟันเฟิร์มว่า สถานการณ์ของแข้งชิลีรายนี้ไม่ได้มีอะไรน่าห่วง และมั่นใจว่าจะสามารถตกลงสัญญาฉบับใหม่กับนักเตะได้ในช่วงซัมเมอร์นี้

       แล้วก็ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น ตอนนี้ก็ได้มีการออกมายืนยันเบอร์เสื้อในซีซั่นหน้าของนักเตะเรียบร้อยแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าน่าจะเป็นการคอนเฟิร์มอนาคตของนักเตะไปด้วยเลย เพราะหากนักเตะไม่ต้องการอยู่ค้าแข้งในถิ่นเอมิเรตสเตเดี้ยมต่อไปก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะเปลี่ยนแปลงเบอร์เสื้อไปใช้เบอร์ 7 ที่ตนเองชื่นชอบ

       สำหรับเบอร์เสื้อ 7 เดิมนั้นเป็นของ โธมัส โรซิคกี้ ปีกสาธารณรัฐเช็กวัยเก๋า ซึ่งสวมใส่ลงเล่นให้ปืนโตมาหลายซีซั่นแล้ว แต่กำลังจะอำลาทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ทำให้เบอร์เสื้อดังกล่าวว่างทันทีที่ซีซั่น 2015-2016 จบลง

       ส่วนสาเหตุที่ทำให้ อเล็กซิส เลือกที่จะอยู่กับปืนโตต่อไปก็น่าจะเป็นการที่นักเตะเห็นได้ถึงความจริงใจของสโมสรที่ต้องการเก็บตนเองไว้ ประกอบกับความกระตือรื้อร้นในการแสดงออกในตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์นี้ ซึ่งปืนโตได้ทุ่มเงินก้อนโตคว้ามิดฟิลด์ตัวเก่งอย่าง ชาก้า มาเสริมทัพแล้ว

4

       ต้องบอกว่าผลงานเป็นที่ประจักษ์ชนิดที่เรียกว่าไม่ใช่เฉพาะแค่ในลีกเท่านั้น แต่ทั่วทั้งยุโรปและทั้งโลกขนาดนี้ ก็คงไม่มีใครน่าไหนกล้าที่จะสบประมาทหรือประเมินผลงานของ เคลาดิโอ รานิเอรี่ นายใหญ่ชาวอิตาเลียนไว้ต่ำกว่ามาตรฐานกุนซือชื่อดังทั่วไปอีกแล้วล่ะ

       โดยล่าสุดนายใหญ่รายนี้ได้ออกมากล่าวเปิดประเด็นถึงเรื่องนี้ด้วยตัวเองว่า จากผลงานระดับที่ทำเซอร์ไพร์สวงการลูกหนังโลกด้วยการพาจิ้กจอกสยามซิวแชมป์ลีกในซีซั่นนี้ได้ จะทำให้ทุกคนไม่กล้าประมาทผลงานของตนเองเหมือนอย่างที่เคยเจอมาอีกต่อไปแล้ว

       ทั้งนี้ดังที่ทราบกันอดีตนายใหญ่ทีมชาติกรีซเข้ามากุมบังเหียน เลสเตอร์ ซิตี้ ซีซั่นนี้เป็นซีซั่นแรกท่ามกลางความคาดหวังที่ไม่ได้มากมายอะไรนักว่ากันตรงๆหลายคนมองว่า การจะทำทีมให้อยู่รอดปลอดภัยบนลีกสูงสุดของอังกฤษยังเป็นเรื่องยากสำหรับเขาด้วยซ้ำ

       ทว่าผลงานที่ออกมากลับทำเอาสื่อและบรรดาเกจิลูกหนังถึงกับเงิบ เมื่อนายใหญ่อิตาเลียนรายนี้สามารถพา จิ้กจอกสยาม ออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยมเกาะกลุ่มหัวแถวของตารางคะแนนตั้งแต่เริ่มต้น และรักษาผลงานไว้ได้อย่างคงเส้นคงวาขณะทีมบิ๊กทีมอื่นๆในพรีเมียร์ลีกนั้น ผลัดกันสะดุดเป็นพักๆกระทั่งท้ายที่สุดแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตกไปอยู่ในถิ่นคิงพาวเวอร์ สเตเดี้ยม

       รานิเอรี่ กล่าวถึงเรื่องนี้กับสื่อว่า "ผมคว้า แชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้และก็คิดว่าหลังจากนี้หลายคนคงมองผมในด้านบวกมากขึ้น แน่นอนว่าความสำเร็จมันไม่ได้เปลี่ยนแปลงจิตใจผมแต่ผมคิดว่ามันคงพอจะเปลี่ยนจิตใจคนอื่นได้ ผมมีความสุขมาสักพักแล้ว เพราะผมทราบดีว่าผมตั้งใจทำงานของผมอย่างดีแล้วที่สุด ผมก็ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ มันไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอกว่าใครจะได้เครดิตในครั้งนี้จะเป็นผม นักเตะ ทีมงานหรือสโมสรก็ตามที่สำคัญคือผมรักในงานที่ผมทำ การได้รับงานทำทีมนี้คือโอกาสที่เหมาะสมสำหรับผมมากๆผมมุ่งมั่นทุ่มเทกับงาน"

5

       ทำไปทำมาอาจจะเบียดแย่งอันดับที่สี่จากทีมเรือใบสีฟ้าได้สำเร็จเหมือนกันงานนี้ สำหรับลูกทีมปีศาจแดงของกุนซือ หลุยส์ ฟาน กัล เพราะในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ สัปดาห์ล่าสุด พวกเขาสามารถบุกไปเอาชนะทีมนกขมิ้นเหลืองอ่อนได้ถึงถิ่น1-0 เก็บเพิ่มได้สามคะแนนขยับขึ้นมามี 63 คะแนนจี้เรือใบสีฟ้า แมนฯซิตี้ ทีมอันดับสี่เหลือเพียงแค่หนึ่งคะแนนแล้ว

       ทั้งนี้ก่อนเกมปีศาจแดงบุกเฉือน นอริช ปีศาจแดงรั้งอยู่อันดับห้ามีคะแนนตามหลัง แมนฯซิตี้ อันดับสี่อยู่สี่คะแนน ขณะที่ลงเล่นไปน้อยกว่าอยู่หนึ่งเกม

        สถานการณ์หลังจบเกมของทั้งสองทีมจึงถือได้ว่าเกือบจะเท่ากันเลย กล่าวคือ แมนฯซิตี้ ยังคงได้เปรียบอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่มีแต้มมากกว่าอยู่หนึ่งแต้ม แต่อีกมุมหนึ่งก็นับว่าเป็นความกดดันในตัวที่ถูกลดช่องว่างคะแนนจากสี่เหลือแค่หนึ่งแล้ว ดังนั้นสองเกมสุดท้ายของทั้งสองทีมจึงเป็นตัวตัดสินอนาคตอันดับที่สี่ที่แท้จริงเลย

       สำหรับไฮไลท์ในเกม ปีศาจแดง บุกชนะ นอริช ประตูโทนที่เกิดขึ้นในเกมนี้ของปีศาจแดงได้จาก ฮวน มาต้า นาทีที่ 72 จากการทำแอสซิสของ เวย์น รูนี่ย์

       ส่วนรูปเกมที่เกิดขึ้นตลอดทั้งเกมก็เป็นปีศาจแดงทีมเยือนที่ทำได้เหนือกว่าชัดเจน โดยครองเกมได้มากกว่าถึง 67%-33% สร้างสรรค์โอกาสจบสกอร์ได้รวม 11 ครั้ง ขณะที่เจ้าบ้านทำได้เพียง 6 ครั้งเท่านั้น

       แต่ปัญหาที่น่าห่วงของลูกทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล ในเกมนี้ซึ่งอาจส่งผลให้เป็นปัญหาต่อเนื่องในอีกสองเกมที่เหลือก็คือ ทีเด็ดทีขาดในจังหวะสุดท้าย เพราะแม้ว่าเกมนี้ทัพปีศาจแดงจะสร้างโอกาสทำประตูได้รวมถึง 11 ครั้ง แต่พวกเขายิงเข้ากรอบไปเพียงแค่สามครั้งเท่านั้น ถือว่าเป็นสิ่งบ่งบอกถึงปัญหาในการเล่นเกมรุกจังหวะสุดท้ายเลย ดังนั้นกับเกมที่ต้องแบกความกดดันไว้มากๆในสองเกมสุดท้ายที่ต้องพยายามคว้าชัยให้ได้ย่อมเป็นอะไรที่น่าห่วงขึ้นไปอีกว่า ความกดดันอาจทำให้มีจังหวะขาดๆเกินๆในการเล่นพื้นที่สุดท้ายเพิ่มอีก

6

       แม้ว่าจะพัฒนาแบบก้าวกระโดดถึงขนาดผงาดขึ้นมาคว้าแชมป์ลีกซีซั่นนี้แล้วแต่ทว่าทาง เคลาดิโอ รานิเอรี่ กุนซือคนเก่งของทีมจิ้กจอกก็ยังยืนยันว่า ในซัมเมอร์นี้จะไม่มีการพาทีมจิ้กจอกกระหน่ำช้อปปิ้งเสริมทัพผู้เล่นเข้าทีม เพื่อสานต่อความสำเร็จในซีซั่นหน้าแต่อย่างใด โดยจะยังคงคอนเซ็ปการทำทีมแบบเดิมที่จะไม่อาศัยเงินทองดึงผู้เล่นดังๆเข้าทีม เหมือนที่หลายทีมใหญ่นิยมทำกัน แต่จะเน้นการซื้อแบบพิจารณาถึงความคุ้มค่าและพอเพียงเท่านั้น

       ทั้งนี้หลังจากทีม เลสเตอร์ ซิตี้ ผงาดคว้าแชมป์ลีกสูงสุดแดนผู้ดีได้แบบชนิดเซอร์ไพร์สทั้งวงการลูกหนัง พวกเขาก็ถูกคาดหมายว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในซัมเมอร์นี้ เพื่อเป็นการสานต่อความสำเร็จแบบก้าวกระโดดในครั้งนี้ของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการลุ้นป้องกันแชมป์แย่งกับบรรดาบิ๊กทีมทั้งหลายในอังกฤษ ที่กำลังเตรียมตัวกลับมาทวงบัลลังก์แชมป์ในซีซั่นหน้า โดยอาจมีการดึงนักเตะดาวดังเข้าทีมเพื่อยกระดับทีม และทุ่มเงินทั้งค่าตัวและค่าเหนื่อยก้อนโตเหมือนกับทีมทีมชั้นนำของยุโรปทำกัน

       อย่างไรก็ตาม รานิเอรี่ ได้ออกมากล่าวยืนยันหลังจากพาเลสเตอร์คว้าแชมป์แล้วว่า ทีมของเขาจะไม่หวังสูงถึงแชมป์เหมือนในซีซั่นนี้แน่นอนสำหรับการต่อสู้ในซีซั่นหน้า แต่จะตั้งเป้าเพียงแค่การติดหนึ่งในสิบอันดับแรกเท่านั้นเพราะทราบดีว่าเรื่องเซอร์ไพร์สแบบนี้เป็นสิ่งที่จะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว

       และล่าสุดก็เป็นอีกครั้งที่กุนซืออิตาเลียนรายนี้ได้ออกมากล่าวย้ำถึงจุดยืนของทีมว่า จะยังคงเป็นทีมที่ไม่ใช่เงินทองไปกับการกระหน่ำช้อปปิ้งผู้เล่นเพื่อยกระดับทีม รานิเอรี่ กล่าวว่า "เราไม่ต้องการดึงผู้เล่นระดับสตาร์เข้ามา เราแค่ต้องการนักเตะของเราที่มีอยู่นี่แหละ เราอยากให้หลายๆคนอยู่กับทีมต่อไป แน่นอนผมก็ต้องการเปลี่ยนแปลงทีมบ้าง แต่นักเตะที่จะซื้อเข้ามาจะเป็นนักเตะที่เหมาะสมกับทีม และการเล่นของเรา ไม่ใช่นักเตะสตาร์ดัง"


7

       เรียกว่าชัดเจนตรงไปตรงมาไม่มีเฟคเลยงานนี้ สำหรับการออกมากล่าวเผยกับสื่อเกี่ยวกับอนาคตของตนเองจากทางด้าน แดเนียล สเตอร์ริดจ์ หัวหอกจอมแดนซ์ของทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล เพราะแม้ว่านักเตะจะยืนยันตามเดิมว่าต้องการประสบความสำเร็จกับทีมหงส์แดง

       โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการพาทีมหงส์แดงทำผลงานบินสูงดังเช่นที่ หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าอุรุกวัยเคยพาทีมเข้าใกล้การกลับไปเป็นแชมป์ลีก ก่อนจะเลือกย้ายซบอาซูกราน่า บาร์เซโลน่า ทิ้งไว้แต่เพียงความประทับใจ และความทรงจำให้แฟนบอลเดอะค็อปได้คิดถึง

       ทั้งนี้ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวลือออกมาแล้วว่า แดเนียล สเตอร์ริดจ์ กำลังมีอนาคตที่ไม่แน่นอนกับทีมหงส์แดง และมีความเป็นไปได้ด้วยว่านักเตะจะมองหาต้นสังกัดใหม่ในตลาดซื้อขายซัมเมอร์นี้ เนื่องจากรู้สึกไม่แฮปปี้ที่ทางกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ มองตนเองเป็นตัวเลือกรองของ ดีว็อค โอริกี้ หัวหอกเบลเยี่ยมที่เพิ่งย้ายเข้าทีมมาในซัมเมอร์นี้

       และล่าสุดนักเตะได้ออกมากล่าวผ่านสื่อดังในอังกฤษอย่างเดอะมิร์เร่อร์ เชิงยืนยันว่ายังคงมีความกระหายความสำเร็จร่วมกับหงส์แดง แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ปิดโอกาสย้ายออกจากถิ่นแอนฟิลด์ในอนาคตข้างหน้า

       สเตอร์ริดจ์ กล่าวอธิบายสถานการณ์อนาคตของตนเองในถิ่นแอนฟิลด์ในสื่อฟังว่า "แน่นอนผมอยากประสบความสำเร็จร่วมกับลิเวอร์พูล และมีหลายสิ่งอย่างที่ผมอยากจะให้มันเกิดขึ้นแต่ขณะเดียวกันผมก็ไม่กล้าพูดหรอกนะว่าผมจะอยู่กับลิเวอร์พูลตลอดไป"

       "การพูดแบบนั้นมันเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ หากมีนักเตะคนไหนบอกว่านี่แหละคือสโมสรที่จะเล่นให้ไปทั้งชีวิตพึงรู้ได้เลยว่าเขาคือพวกโกหกหลอกลวง วงการลูกหนังปัจจุบันแต่ละทีมมีการเสริมทัพปรับเปลี่ยนทีมตลอด จะมีนักเตะใหม่ๆเข้ามาแทนที่คนเก่า  ดังนั้นผมจึงมีสิ่งเดียวที่พอทำได้ในยามที่ยังอยู่ที่นี่ นั่นคือตั้งใจกับการฝึกซ้อมในแต่ละวัน และทุ่มเทเต็มที่เมื่อได้โอกาสลงสนามพยายามช่วยทีมยิงประตูให้เยอะที่สุด"


8

       มีคืบหน้าออกมาแล้วสำหรับประเด็นการตัดสินความผิดและบทลงโทษ มามาดู ซาโก้ ปราการหลังทีมชาติฝรั่งเศสของหงส์แดง ลิเวอร์พูล เมื่อล่าสุดทาง ยูฟ่า หรือ สหพันธ์ฟุตบอลแห่งยุโรป ได้ออกมาแถลงบทลงโทษแบนนักเตะแบบชั่วคราวก่อนเป็นระยะเวลา 30 วัน ซึ่งหมายความว่าหนึ่งเดือนต่อจากนี้นักเตะจะต้องถูกห้ามลงสนามแน่นอน

        โดยบทลงโทษแบนชั่วคราวดังกล่าวนี้ยูฟ่าต้องมีการประกาศออกมา เพราะระหว่างนี้พวกเขาจะต้องทำการตรวจสอบประเด็นความผิดของนักเตะอย่างละเอียด ก่อนจะมีการประกาศบทลงโทษสุดท้ายออกมา

       อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ แต่จากการที่นักเตะได้ยอมรับความผิดกับทางยูฟ่าแล้ว และเคสแบบนี้ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วทำให้พอจะคาดเดากันได้ว่านักเตะน่าจะได้รับบทลงโทษแบนจริงเป็นระยะเวลา 6 เดือนเหมือนกับที่ได้มีการเปรียบเทียบกับกรณีของ โคโล ตูเร่ กองหลังไอวอรี่โคสต์ไปแล้วก่อนหน้านี้

       ส่วนความเคลื่อนไหวอื่นๆของทีมหงส์แดงเวลานี้นอกจากประเด็นโทษจากการไม่ผ่านตรวจโด๊ปของ มามาดู ซาโก้ แล้วก็มีในส่วนของ เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ของทีมที่ได้ออกมากล่าวถึงผลงานของทีมในรายการฟุตบอลถ้วยยุโรป ยูโรป้าลีก ว่า ตัวเขาเองก็ไม่นึกฝันมาก่อนว่าจะมีโอกาสพาหงส์แดงเข้าเล่นรอบชิงชนะเลิศ ตั้งแต่ซีซั่นแรกที่เข้ามาทำงาน หลังตอนนี้หงส์แดงทะลุเข้ามาถึงรอบรองชนะเลิศแล้ว จากผลงานโค่นสองทีมใหญ่ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายและ 8 ทีมสุดท้าย อย่างแมนฯยูไนเต็ดและโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ตามลำดับ

        คล็อปป์กล่าวผ่านสื่อว่า "ใช่ ผมไม่เคยคิดถึงมันเลยนะ ผมไม่นึกว่าเราจะได้ทะลุไปเล่นรอบชิงชนะเลิศที่บาเซิ่ลหรอกแต่ตอนนี้มันอยู่ไม่ไกลแล้ว ดังนั้นเราต้องโฟกัสกับเป้าหมายนี้ แต่ถึงกระนั้นเราก็ต้องมองไปที่รอบรองชนะเลิศอย่างเดียวก่อน ทุกคนไม่คิดว่าเราจะผ่านมาถึงตรงนี้ แต่นั่นมันเป็นผลตอบแทนที่เราให้ความเคารพในการแข่งขันรายการนี้"


9

       ต้องบอกว่าเป็นผลพวงมาจากการช้อปปิ้งนักเตะ และการทุ่มเงินค่าเหนื่อยแบบไม่อั้นเลย ถึงได้ทำการผลกำไร-ขาดทุนของ สโมสรกวางโจว เอเวอร์แกรนด์ ยักษ์ใหญ่แห่ง วงการฟุตบอลเอเชีย และ ไชนิส ซูเปอร์ลีก ของจีนตามการเปิดเผยงบดุลของสโมสรออกมาติดลบกว่า 380 ล้านหยวน ซึ่งตีเป็นเงินบาทไทยก็ปาเข้าไปราวห้าพันล้านบาทเลยทีเดียว

       ทั้งนี้อย่างที่พอทราบกัน กวางโจว เอเวอร์แกรนด์ จัดเป็นทีมที่มีการลงทุนสูงที่สุดในเอเชียทีมนึงช่วงหลัง โดยพวกเขาทุ่มดึงนักเตะระดับท็อปคลาสจากยุโรปมาเสริมทีม ในตลาดซัมเมอร์ที่ผ่านมาหลายรายด้วยกัน อาทิเช่นในรายของ แจ็คสัน มาร์ติเนซ ที่ทุ่มเงินก้อนโตทั้งค่าตัว และค่าเหนื่อยดึงมาจากสโมสรแอตฯมาดริด ยักษ์ใหญ่ในลาลีกา สเปน  หรือในซีซั่นก่อนหน้านั้นก็ยังทุ่มจ้างกุนซือระดับโลก “หลุยส์ ฟิลิปเป้ สโคลารี่” มากุมบังเหียนทีม

       อย่างไรก็ตามแม้ว่าการโมดิฟายทีมใหม่ของพวกเขาจะทำให้สโมสรมีรายได้มากขึ้น และได้รับความสำเร็จมากมายในซีซั่นก่อนทั้งการคว้า แชมป์ไชนิส ซูเปอร์ลีก คว้า แชมป์เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก และ แชมป์บอลถ้วยเอฟเอ ซูเปอร์คัพ แต่ผลในด้านลบจากการทุ่มลงทุนมากเกินไปก็ตามมาให้ได้เห็นกันชัดๆในซีซั่นนี้ เมื่อพวกเขาไม่สามารถทำผลงานได้ตามเป้าหมาย โดยกระเด็นตกรอบแรก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ไปเรียบร้อยแล้วทั้งงบดุลที่ออกมาก็ขาดทุนยับตามกล่าวข้างต้น

       หลังจากนี้จึงถือว่าเป็นเรื่องน่าติดตามทีเดียวว่าการลงทุน โดยเฉพาะในแง่ของการเสริมทัพนักเตะ และนโยบายการทุ่มจ่ายค่าเหนื่อยนักเตะระดับท็อปของสโมสรจะเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ รวมถึงกระแสจากแฟนบอลก็นับเป็นเรื่องน่าสนใจว่าพวกเขาพึงพอใจกับแนวทางของทีมที่กำลังเป็นไปอยู่นี้หรือไม่

       สำหรับ กวางโจว เอเวอร์แกรนด์ ในซีซั่นนี้ยังถือว่าอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะลุ้นความสำเร็จใน ไชนิส ซูเปอร์ลีก ได้โดยพวกเขานำเป็นจ่าฝูงอยู่หลังจากผ่านเกมการแข่งขันไปแล้ว 6 เกม


10

       แม้ว่าก่อนหน้าทาง ซีเนอดีน ซีดาน กุนซือ เรอัล มาดริด จะออกมากล่าวแสดงความเห็นต่อกรณีอาการบาดเจ็บของโรนัลโด้ว่า ไม่น่าจะมีอะไรมากมาย และตัวนักเตะคงจะรู้สึกกังวลไปเอง รวมถึงตัวนักเตะเองก็ได้ออกมายืนยันผ่านโซเชี่ยลมีเดียว่า ร่างการฟิตสมบูรณ์ดี

       แต่ล่าสุดมีการแถลงจากราชันชุดขาวออกมาแล้วว่า นักเตะนั้นได้รับบาดเจ็บที่บริเวณกล้ามเนื้อโคนขาจริง และยังจะต้องรอลุ้นเช็คความฟิตอีกครั้ง ว่าจะพร้อมลงสนามเกมเปิดบ้านบู๊เรือใบสีฟ้าในถ้วยบิ๊กเอียร์วันอังคารนี้ไหม

       ทั้งนี้อาการบาดเจ็บของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เกิดขึ้นในเกมลีกนัดที่ผ่านมาซึ่ง เรอัล มาดริด เอาชนะ บียาร์เรอัล ไปได้ 3-0 โดยในช่วงครึ่งเวลาหลังนักเตะแสดงท่าทีว่ามีอาการบาดเจ็บที่บริเวณดังกล่าว ซีดานจึงไม่รีรอที่จะเปลี่ยนนักเตะออกจากสนาม

       โดยที่หลังจบเกมแสดงความเห็นว่า อาการของนักเตะน่าจะเกิดจากความล้าของร่างกายที่ลงเล่นต่อเนื่องตลอด และไม่น่าจะมีอาการบาดเจ็บอะไรมากมายอย่างที่นักเตะแสดงออกถึงความกังวล

       อย่างไรก็ตามแถลงจากสโมสรระบุว่า เมื่อได้มีการตรวจร่างกายนักเตะอย่างละเอียดโดยทีมแพทย์ของโรงพยาบาลยูนิเวอร์ซิตาริโอ ซานิตาสลา โมราเลญาเราพบว่านักเตะมีอาการกล้ามเนื้อน่องขวาตึง ซึ่งเราจะต้องรอดูการฟื้นตัวของนักเตะกันต่อไป

        นอกจากเกมแชมเปี้ยนส์ลีกรอบรองชนะเลิศพบกับ แมนฯซิตี้ แล้วก็ยังมีอีกผลกระทบตามมาจากอาการบาดเจ็บของ โรนัลโด้ อีกนั่นคือการที่นักเตะจะพลาดการสร้างสถิติ ลงเล่นทุกนาทีใน ลาลีกา สเปน ตลอดระยะเวลาหนึ่งซีซั่น

       เพราะตลอดทั้งซีซั่นนับแต่เกมแรก โรนัลโด้ ลงเล่นให้ เรอัล มาดริด ต่อเนื่องและจากนี้ก็เหลืออีกไม่เพียงไม่กี่เกมฤดูกาลแข่งขันก็จะจบลงแล้ว ทว่าอาการตึงที่กล้ามเนื้อน่องขานั้นจะทำให้นักเตะไม่ได้ลงเล่นกับทีมในวันเสาร์นี้แน่ ซึ่งถือเป็นเรื่องน่าเสียดาย เพราะนี่นับเป็นการเข้าใกล้สถิติที่ยอดเยี่ยมอันเป็นที่น่าจดจำของทั้งแวดวงลูกหนังสเปน และลูกหนังโลกเลยทีเดียว


11

       เรียกว่ายังคงเป็นกุนซือจอมชี้แจงแถลงไขเหมือนเดิม ไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาดีหรือแย่ก็ตามสำหรับ หลุยส์ ฟาน กัล นายใหญ่แฟนบอลเอือมของทีมปีศาจแดง หลังล่าสุดได้ออกมากล่าวถึงความเป็นเหตุเป็นผล ของการที่ตนเองจับ เวย์น รูนี่ย์ กองหน้ากัปตันทีมลงไปเล่นเป็นกองกลาง ในเกมที่ปีศาจแดงเปิดบ้านเอาชนะ คริสตัน พาเลซ ไป 2-0

       ทั้งนี้ในช่วงที่ปีศาจแดงมีปัญหาขุมกำลังแดนหน้า นายใหญ่ชาวดัตซ์เลือกที่จะแก้ไขปัญหาด้วยการดัน มาร์คัส แรชฟอร์ด ดาวรุ่งจากอะแคเดมี่ขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ และนักเตะก็ไม่ทำให้ผิดหวังเมื่อสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างเปรี้ยงปร้างชนิดแจ้งเกิดชั่วข้ามคืนเลย

       จากเหตุนี้เองทำให้ช่วงหลัง หลุยส์ ฟาน กัล เลือกใช้บริการ แรชฟอร์ด เป็นกองหน้าตัวเป้าตัวหลักของทีมรวมถึงในเกมล่าสุดที่ปีศาจแดงเอาชนะพาเลซไปได้ตามกล่าว

       อย่างไรก็ตามนี่เป็นเกมแรกที่ เวย์น รูนี่ย์ หายกลับมาอาการบาดเจ็บแต่ต้องลงสนามไปรับบทบาทมิดฟิลด์ ซึ่งดูจะขวางหูขวางตาหลายคนบ้าง เพราะโดยธรรมชาติแล้วนักเตะเล่นในตำแหน่งกองหน้า

       ฟาน กัล ที่แน่นอนว่ามีส่วนกับการวางแท็คติกนี้โดยตรงกล่าวอธิบายว่า "ผมไม่ได้บอกกับรูนี่ย์หรอกนะว่าเขาควรจะทำอะไรบ้างหรือสร้างสรรค์อะไรเพิ่มเติมในตำแหน่งที่เขาเล่น ในครึ่งเวลาแรกเขาเล่นได้ดีแต่ครึ่งหลังเขาดูเหนื่อยๆไปผมเลยตัดสินใจเปลี่ยนตัวเขาออก"

       "รูนี่ย์ สามารถคอนโทรลจังหวะเกมเปลี่ยนจังหวะเกมได้ นักเตะในทีมผมไม่มีตำแหน่งตายตัว ผมจะเลือกใช้นักเตะลงเล่นในตำแหน่งที่คิดว่าเราจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในเกมนั้นๆ ใช่เขาไม่ได้เล่นหน้าต่ำแต่เป็นมิดฟิลด์ ผมเองไม่อยากดร็อปแรชฟอร์ด แต่นั่นก็เป็นตำแหน่งที่เขาเคยเล่นมาแล้วเมื่อซีซั่นก่อน และผลที่ได้คือผมแฮปปี้กับฟอร์มของนักเตะ"

       "การถอดนักเตะออกในนาที 75 ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรการกลับคืนสนามครั้งแรกของนักเตะ เราต้องการให้นักเตะกลับมาจูนฟอร์มปรับสภาพร่างกายก็เหมือนกับที่ทำกับโรโฮนั่นแหละ"


12

       ก็ไม่รู้เหมือนกันว่างานนี้มีอะไรไปกระตุ้นให้ทางด้านของ ฮวน เซบาสเตียน เวรอน อดีตกองกลางทีมชาติอาร์เจนติน่า คิดถึงอดีตเมื่อครั้งค้าแข้งใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งผ่านมาเกินสิบปีแล้วเจ้าตัวถึงได้ออกมากล่าวถึงการตัดสินใจอำลาปีศาจแดงเมื่อปี 2003 ก่อนโยกซบคู่แข่งร่วมลีกอย่าง เชลซี

       ทั้งนี้เมื่อประมาณปี 2000 ฮวน เซบาสเตียน เวรอน ถือได้ว่าเป็นหนึ่งชื่อของนักเตะกองกลางระดับโลก โดยเจ้าตัวเล่นได้อย่างโดดเด่นมากใน กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี กับทีม ลาซิโอ รวมถึงทีมชาติอาร์เจนติน่า

       กระทั่ง แมนฯยูไนเต็ด ทุ่มเงินมากถึง 28 ล้านปอนด์ซื้อนักเตะมาร่วมทีมในปี 2001 ซึ่งนับเป็นเงินมหาศาลในยุคนั้นเลยทีเดียว

       อย่างไรก็ตามนักเตะกลับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง กับทีมปีศาจแดงภายใต้การนำทีมของบรมกุนซือ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันโดยนักเตะมีปัญหาเรื่องการปรับตัวให้เข้ากับทีม และการเล่นร่วมกับกองกลางคีย์แมนรายอื่นๆของทีมปีศาจแดง ที่อยู่ในทีมก่อนแล้ว กระทั่งนักเตะตัดสินใจที่จะอำลาถิ่นโอลแทรฟฟอร์ดอย่างรวดเร็วในปี 2003

       แล้วโยกซบ เชลซี แต่ถึงอย่างนั้นการเล่นในถิ่นเดอะบริดจ์ของสิงห์บลูก็ไม่ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีเช่นกัน เวรอน กล่าวเผยถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นให้สื่ออย่าง ยูไนเต็ด รีวิว ฟังว่า "ผมปรับเข้ากับระบบไม่ได้ ผมต้องลงเล่นในแดนกลางร่วมกับ พอล สโคลส์ และ รอย คีน ทว่าบางครั้งผมมีการใช้ระบบ 4-4-2 ผมก็ต้องขึ้นไปเล่นสูงอยู่ข้างหลัง ดไวท์ ยอร์ค และ แอนดี้ โคล"

       "สิ่งนี้เป็นปัญหาสำหรับผมด้วยความแตกต่างของระบบมันทำให้ผมปรับตัวได้ยาก แต่พูดก็พูดเถอะผมไม่ควรตัดสินใจลาปีศาจแดงในตอนนั้น ผมควรจะต้องอยู่กับทีมต่อไป"

        ฮวน เซบาสเตียน เวรอน จัดเป็นหนึ่งชื่อนักเตะที่ก้าวขึ้นมาโด่งดังแบชนิดระดับท็อปของโลกแต่ฟอร์มก็บู่ลงไปในเวลาอันรวดเร็วเฉกเช่นในรายของอาเดรียโน่ และปาโต้ หัวหอกบราซิเลี่ยน)

13

       เรียกว่าเป็นอะไรที่น่าเสียดายอย่างที่สุดสำหรับแฟนบอลของทีมขุนค้อน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เลยในส่วนของการออกมากล่าวเปิดเผยข้อมูลของ สลาเวน บิลิช กุนซือของทีมถึงเรื่องราวเมื่อช่วงตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์ปีที่แล้ว ซึ่งระบุว่าทีมขุนค้อนนั้นเกือบได้เซ็นต์สัญญาดึง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ มาจาก ก็อง ทีมในฝรั่งเศสก่อนที่ท้ายที่สุดแล้วจะเป็น จิ้กจอกสยาม ที่คว้านักเตะไปร่วมทีมได้

       โดยที่ภายหลังนักเตะโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอด และมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการพาทีมจิ้กจอกสยามลุ้นคว้า แชมป์พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ทั้งยังกลายเป็นหนึ่งนักเตะหกคนสุดท้าย ที่มีลุ้นคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมพีเอฟเออีกด้วย

       บิลิช กล่าวอธิบายกับสื่อ ถึงสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกับการเซ็นต์สัญญากับกองกลางทีมชาติฝรั่งเศสรายนี้ว่า "เราใกล้เคียงมากๆเลยนะกับการที่จะได้เขามาอยู่กับเรา ผมเองมีโอกาสเดินทางไปดูฟอร์มของเขาถึงฝรั่งเศสเลย ตอนที่ได้เห็นก็รู้ได้เลยว่าเขาเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมมาก ก็เหมือนกับที่เราเห็นเขาในทีมเลสเตอร์ตอนนี้แหละ เขาอยู่ในลิสต์รายชื่อนักเตะที่เราต้องการได้มาเสริมทีมแต่ว่าก็ยังมีนักเตะรายอื่นอีก และเราก็ได้มาร่วมทีมทำให้เราพลาดเซ็นต์สัญญากับเขาไป"

       สำหรับก็องเต้ในซีซั่นนี้นอกจากจะโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมกับ เลสเตอร์ ซิตี้ แล้ว ก็ยังมีข่าวคราวตามออกมาเป็นะระยะด้วยว่าเจ้าตัวได้รับความสนใจจากทีมยักษ์ใหญ่ โดยเฉพาะกับ อาร์เซน่อล คู่แข่งร่วมลีกว่ากันว่ากำลังเตรียมจะยื่นข้อเสนอที่มีมูลค่าเท่ากับค่าฉีกสัญญาของนักเตะให้กับทาง เลสเตอร์ ซิตี้ ได้พิจารณาในซัมเมอร์นี้

       อย่างไรก็ตามเป็นที่เชื่อกันว่า เลสเตอร์ เองก็ไม่ต้องการเสียนักเตะรายนี้ออกจากทีม และจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรักษานักเตะเอาไว้เช่นกัน เพราะการเก็บนักเตะเอาไว้ก็ถือเป็นส่วนนึงของแผนงานสำคัญในการรักษามาตรฐานทีมในซีซั่นหน้า


14

       ต้องบอกว่าเดือดแน่นอนงานนี้สำหรับเกมการแข่งขัน ยูโรป้าลีก รอบสี่ทีมสุดท้าย หรือรอบรองชนะเลิศเมื่อผลการจับสลากประกบคู่ออกมาปรากฏว่าหงส์แดง ลิเวอร์พูล ที่เพิ่งโกงความตายพลิกแซงชนะ ดอร์ทมุนด์ มาในเกมรอบที่แล้วจะต้องพบกับทีมแกร่งจากลาลีกา สเปน “บียาร์เรอัล” ซึ่งถือว่าเป็นคู่แข่งขันที่สมน้ำสมเนื้อทีเดียว

       แม้ว่าด้วยเกียรติประวัติสโมสรหงส์แดงจะดูเหนือกว่าก็ตาม เพราะผลงานในปัจจุบันของบียาร์เรอัลนั้นไม่ธรรมดาเลย โดยในลีกเวลานี้พวกเขารั้งอันดับสี่ของตารางคะแนน ลาลีกา สเปน มีอยู่ 60 แต้มมากกว่าทีมอันดับห้าอยู่ถึง 8 แต้ม เรียกว่าถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็จะได้เป็นหนึ่งในทีมจากสเปน เข้าร่วมแข่งขันในฟุตบอลถ้วยยุโรปใบใหญ่ซีซั่นหน้าแน่นอน

       ขณะที่ผลงานใน ยูโรป้าลีก รอบที่แล้วพวกเขาโค่น สปาต้าปราก มาด้วยสกอร์รวมสองเกมแบบท่วมท้นถึง 6-3 ส่วนอีกคู่จะเป็นการพบกันระหว่าง ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค ของยูเครนกับ เซบีญ่า แชมป์เก่าจากสเปน

       โดยการแข่งขันในรอบสี่ทีมสุดท้ายเกมแรกจะคิกออฟกันในวันที่ 28 เมษายน เกมที่สองวันที่ 5 พฤษภาคม ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค และ บียาร์เรอัล จะเป็นสองทีมที่ได้เล่นในบ้านก่อน

       ด้านรายการถ้วยใบใหญ่ “ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก” ซึ่งก็จับสลากออกมาเรียบร้อยแล้วเช่นกัน เรือใบสีฟ้า แมนฯซิตี้ จากอังกฤษจะพบกับราชันชุดขาว เรอัล มาดริด จากสเปน และ แอตฯมาดริด จากสเปนจะพบกับ บาเยิร์น มิวนิค จากเยอรมัน โดยเป็น แมนฯซิตี้ และ แอตฯมาดริด ที่จะได้สิทธิ์ลงเล่นในบ้านก่อน

        สำหรับเกมรอบรองชนะเลิศศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นัดแรกจะแข่งขันระหว่างวันที่ 26-27 เมษายน และนัดที่สองระหว่างวันที่ 3-4 พฤษภาคม

       กล่าวคือรายการถ้วยใบใหญ่นั้นจะลงเล่นคู่ละหนึ่งวัน ต่างจากถ้วยใบเล็กที่จะลงแข่งขันพร้อมกันทั้งสองคู่ในวันและเวลาเดียวกัน ดังนั้นแฟนบอลที่รอติดตามชมฟุตบอลถ้วยยุโรปใบใหญ่อยู่ ก็จะได้ชมเกมการแข่งขันในรอบรองชนะเลิศได้แบบครบถ้วนทั้งสองคู่แบบเต็มๆเลย

15

       เรียกว่าไม่มีหวั่นกฎประตูทีมเยือนเลยงานนี้สำหรับ โธมัส ทูเคิ่ล นายใหญ่ทีมเสือเหลือง ดอร์ทมุนด์ เพราะแม้ว่าเกมรอบ 8 ทีมสุดท้ายศึก ยูฟ่า ยูโรป้าลีก ที่ซิกนัล อิดูน่าพาร์คทีมเสือเหลืองจะทำได้แค่เสมอกับหงส์แดงไปแบบมีสกอร์ 1-1 และส่งผลให้ทีมเยือนกุมความได้เปรียบไว้เล็กน้อย จากกฎประตูทีมเยือนหรืออเวย์โกล ที่อาจส่งเข้ารอบได้หากว่าเกมเลกสองกลับไปเสมอที่แอนฟิลด์แบบไม่มีสกอร์  แต่เจ้าตัวก็กล่าวแสดงความมั่นอกมั่นใจว่าทีมเสือเหลืองนั้นมีดีพอที่จะผ่านหงส์แดงในเกมเลกสอง และตีตั๋วเข้าสู่เซมิไฟนอลต่อไป

       ทั้งนี้ในเกมเลกแรกที่บ้านของเสือเหลือง หงส์แดงทีมเยือนถือว่าทำได้ดีทีเดียวโดยแม้ว่าจะเป็นฝ่ายครองบอลครองเกมได้น้อยกว่าแต่ก็เล่นเกมรับกันได้อย่างเหนียวแน่น และมีจังหวะทำเกมโต้สวยๆหลายครั้ง ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณอันตรายถึงเกมในเลกสองให้กับทีมเจ้าบ้านเสือเหลืองได้รับทราบ

       อย่างไรก็ตาม โธมัส ทูเคิ่ล ที่พาทีมเสือเหลืองมีผลงานอันยอดเยี่ยมในซีซั่นนี้ และกำลังมีลุ้นแชมป์ลีกแย่งกับทางเสือใต้อยู่ด้วยนั้น กล่าวถึงสถานการณ์นี้ว่าบางทีเกมรอบน็อกเอ้าท์เราก็ต้องเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่อาจนำมาซึ่งชัยชนะ และมันก็เป็นสิ่งที่เราได้เจอ จริงอยู่ที่เราคาดไว้แล้วว่าเราจะเจอกับเกมที่ยากในการเล่นกับหงส์แดง กระนั้นเราก็หวังว่าเราจะทำมันได้ดีกว่านี้โดยเฉพาะความลื่นไหลของเกม การผ่านบอล

       เกมนี้ถือว่าเป็นปัญหาของเราแต่อย่ากังวลไปพวกเราก็มีดีพอที่จะไปเป็นทีมเยือนและทำประตูได้ พวกเราไม่ได้ผิดหวังอะไรมากมายกับเกมวันนี้นักเตะทุกคนยังมั่นใจ เรามีประสบการณ์การเป็นทีมเยือนมาเยอะแล้ว บ่อยครั้งเราก็ยิงประตูคว้าชัยกลับมาได้ดังนั้นเราจึงไม่วิตกอะไรกับการแข่งขันที่มันเพิ่งจะผ่านไปแค่ครึ่งทาง

Pages: [1] 2 3 ... 61