Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - Journalist

Pages: 1 ... 56 57 [58] 59 60 61
856

       เป็นที่ชัดเจนแล้วว่ากองหน้าพรสวรรค์สูงทีมชาติมอนเตเนโกร “สเตฟาน โยเวติซ” ของทีมม่วงมหากาฬ ฟิออเรนติน่า กำลังจะย้ายเข้าร่วมก๊วนเรือใบสีฟ้า แมนฯเชสเตอร์ ซิตี้ ฉะนั้นในฤดูกาลใหม่ เราจะได้เห็น สเตฟาน โยเวติซ ย้ายมาวาดลวดลายการยิงประตูในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษค่อนข้างแน่นอน โดยข่าวการย้ายทีมที่ชัดเจนของสเตฟาน โยเวติซ นั้นเป็นการออกมาประกาศผ่านทวิตเตอร์ของสโมสรฟิออเรนติน่า โดยใจความระบุว่าได้มีการตกลงเงื่อนไขการย้ายทีมต่างๆของเจ้าตัวระหว่างสองสโมสรเรียบร้อยแล้ว

       ส่วนการย้ายเข้ามาเล่นในถิ่นเอติฮัดสเตเดี้ยมของเรือใบสีฟ้า สำหรับสเตฟานโยติช นั้นอาจทำให้เขากลายเป็นหนึ่งกองหน้าระดับท็อปของพรีเมียร์ลีก และของยุโรปได้เลย เช่นเดียวกัน กุน อเกวโร่ กองหน้ารุ่นพี่ในทีมเรือใบสีฟ้าปัจจุบันที่สร้างชื่อโด่งดังกับทีมเรือใบสีฟ้า อย่างไรก็ตาม อุปสรรคในการฉายแววโดดเด่นจนเป็นกองหน้าระดับท็อปของอังกฤษยังมีอยู่มากมายเพราะในปัจจุบันอังกฤษมีกองหน้าพรสวรรค์สูงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหลุยส์ ซัวเรซของลิเวอร์พูล โรบิน ฟาน เพอร์ซีของแมนฯยูนเต็ด รูนี่ย์ ของแมนฯยูไนเต็ด ชิรูด์ของอาร์เซน่อล ตอเรส & เดมบา บา ของเชลซี ถ้าหากโยเวติซจะฉายแววเบียดกองหน้าแต่ละรายขึ้นมาโดดเด่นในพรีเมียร์ อังกฤษ ก็จะต้องใช้ความพยายามทุ่มเทอย่างหนัก เช่นเดียวกับที่กองหน้าในอังกฤษหลายๆรายพยายามทำอยู่

       ซึ่งถ้าเจ้าตัวทำได้สำเร็จ ขณะที่อายุอานามตอนนี้ยังน้อยอยู่ บางทีเขาอาจได้หลายเป็นกองหน้าที่น่าจดจำมากที่สุดของเรือใบสีฟ้า เหมือนกองหน้าหลายรายที่เป็นสัญลักษณ์ของทีมใหญ่ๆได้เลย เช่น เธียรี่ อองรี ที่เคยเป็นสัญลักษณ์ของทีมอาร์เซน่อล ฟรานเชสโก ต็อดติที่เป็นสัญลักษณ์ของทีมหมาป่า โรม่า กระทั่ง ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ที่เคยเป็นสัญลักษณ์ในแดนหน้าของทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล แต่ทั้งหมดก็อยู่ที่ตัวสเตฟาน โยเวติซ แล้วล่ะว่าจะเลือกแบบไหน เลือกพยายามทำผลงานให้กับทีมเรือใบสีฟ้าอย่างที่สุด หรือเลือกมาแล้วผ่านไปเช่นเดียวกับกองหน้ามากหน้าหลายตาที่เคยผ่านเข้ามาในทีมเรือใบสีฟ้าแล้วก็ผ่านไป


857
       ทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล กับการยื่นซื้อตัวนักเตะก่อนเริ่มต้นฤดูกาลใหม่นี้ (2013-2014) ถือว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างมีปัญหามากทีเดียวเลย เพราะไม่ว่าจะเล็งใครไว้ จะยื่นซื้อใครก็ดูจะถูกปฏิเสธอยู่ร่ำไป ด้วยจำนวนเงินที่อาร์เซน่อลเต็มใจจ่ายนั้นไม่สอดคล้องกันกับความต้องการของทางต้นสังกัดนักเตะเลย อย่างในรายของกอนซาโล่ อิกวาอิน ยอดกองหน้าของทีมรีล มาดริด ซึ่งอาร์เซน่อลน่าจะต้องการซื้อตัวในราคาราวๆ 20-22 ล้านปอนด์ แต่ความต้องการขายของรีล มาดริด อาจสูงถึงราว 30+ ล้านปอนด์

       คือก็มีทางเดียวที่จะทำให้อาร์เซน่อลได้นักเตะตามต้องการ นั่นคือยินยอมจ่ายเงินก้อนโตเท่าที่สโมสรต้นสังกัดนักเตะเขาต้องการ ทว่าอย่างที่ทราบๆกันทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อลมีแนวทางการทำทีมแบบเน้นการใช้จ่ายเงินอย่างประหยัดซื้อนักเตะแบบคุ้มค่า ซื้อสตาร์ดังๆได้แต่ต้องไม่แพงเกินไป หากยอมทุ่มเงินซื้อด้วยจำนวนเงินตามที่ต้นสังกัดนักเตะเรียกร้องก็อาจพอให้สมดุลการใช้จ่ายเงินของทีมเสียไป นอกจากในรายของอิกวาอินแล้ว ในรายของเวนย์ รูนี่ย์ เงินค่าตัวก็เป็นปัญหาสำหรับการยื่นซื้อของอาร์เซน่อลเหมือนกัน และที่ดูชัดเจนที่สุดก็คือในรายของกองหน้าเจ้าปัญหาแห่งถิ่นแอนฟิลด์ หลุยส์ ซัวเรซของลิเวอร์พูล รายนี้อาร์เซน่อลยื่นซื้อไปรอบแรกด้วยเงินราวๆ 30 ล้านปอนด์แต่ก็ถูกปฏิเสธจากลิเวอร์พูล รอบสอง 35 ล้านปอนด์ก็ถูกปฏิเสธกลับมาอยู่ดี

       แล้วก็เชื่อกันดีว่าลิเวอร์พูลจะยอมปล่อยตัวซัวเรซได้ก็ต่อเมื่อได้รับเงินราวๆ 40 ล้านปอนด์ นั่นหมายถึงอาร์เซน่อลอาจต้องกล้าทุ่มเพิ่มอีกสัก 5 ล้านปอนด์ ถึงจะมีสิทธิ์ได้รับการพิจาณาจากหงส์แดง ลิเวอร์พูลอย่างจริงจัง ไม่โดนบอกปัดแบบรวดเร็วเมื่อสองรอบที่ผ่านมา แต่หากอาร์เซน่อลยังคงชักช้าและเสียดายเงิน ปล่อยให้นักเตะเป้าหมายที่ตนเองต้องการหลุดลอยไปอยู่กับทีมอื่นหมด เมื่อเปิดฤดูกาล 2013-2014 มา ก็น่าลุ้นอาร์เซน่อลจะเอาอะไรไปสู้กับทีมอื่น

858
       ยังไม่ทันจะเริ่มต้นฤดูกาลใหม่อย่างเป็นทางการทีมเสือใต้บาร์เยิร์น มิวนิคก็จัดการซิวแชมป์แรกไปครองเรียบร้อยแล้ว โดยเป็นแชมป์รายการเทเลคอม คัพ ซึ่งจัดขึ้นในช่วงปรีซีซั่นก่อนเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ของทุกฤดูกาล ทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันก็คัดเอามาเป็น 4 ทีมที่ดีสุดของศึกบุนเดสลีก้า เยอรมัน จะว่าไปฟุตบอลรายการนี้เหมือนเป็นการทดสอบความศักยภาพจริงๆของทีมเก่งๆในบุนเดสลีกา เยอรมันก็ว่าได้ และทีมที่ประกาศตัวเองว่าเป็นทีมที่ดีที่สุดเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาด้วยการซิวแชมป์ลีกสูงสุดไปครองอย่างเสือใต้ บาร์เยิร์น มิวนิคก็สามารถพิสูจน์ให้ทุกคนในเยอรมันได้เห็นอย่างไม่ขัดเขินว่าพวกเขาได้แชมป์มาไม่ใช่เพราะโชคช่วย

       คู่แข่งในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลเทเลคอม คัพ ของบาร์เยิร์น มิวนิค ก็คือ ทีมโบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค สกอร์ที่ออกมาภายหลังการแข่งขันจบด้วยชัยชนะของเสือใต้ 5-1 แถมแมทนี้ ติอาโก้ อัลกันตาร่า กองกลางดาวรุ่งพรสวรรค์สูงของทีมที่เพิ่งย้ายมาจากทีมบาร์เซโลน่านั้นยังได้ประเดิมประตูแรกของตนเองให้กับต้นสังกัดใหม่ด้วย และด้วยสกอร์ที่ท่วมท้นแบบนี้ พร้อมกับได้คว้าถ้วยแชมป์ไปครองให้ชื่นอกชื่นใจก่อนทีมอื่นๆ ก็คงต้องถือว่าเป็นสัญญาณดีต้อนรับฤดูกาลใหม่ของทีมเสือใต้ นักเตะภายในทีมแต่ละคนก็คงมั่นอกมั่นใจทีมภายใต้การคุมทีมของเป๊บ กวาดิโอล่ามากยิ่งขึ้น โอกาสที่จะจบผลงานแบบยอดเยี่ยมด้วยทริปเปิลแชมป์เหมือนฤดูกาลที่แล้วก็คงมีมากขึ้นเยอะ

       แต่ถึงกระนั้น ทีมเสือใต้ภายหลังจากการคว้าแชมป์แรกเพื่อรอต้อนรับฤดูกาลใหม่ไปครองเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่อาจประมาทผลงานในฤดูกาลใหม่ และคู่แข่งของตนเองได้ เพราะแม้ว่านี่จะเป็นแชมป์ที่น่าภาคภูมิใจ เนื่องจากมี 4 ทีมเก่งๆในเยอรมันมาแข่งขันชิงชัยกัน ทว่ามันก็ยังไม่ถือเป็นถ้วยแชมป์ที่เป็นทางการเท่าใดนัก ด้วยโปรแกรมการแข่งขันกันเพียงแค่ไม่กี่นัด ทั้งยังเป็นช่วงปรีซีซั่นที่นักเตะของทีมต่างๆเพิ่งเสร็จสิ้นจากการพักผ่อน สภาพร่างกาย ความฟิต ความพร้อมของทีมยังมีไม่มาก

859
       ถือเป็นข่าวฮือฮาขึ้นมาวงการฟุตบอลตอนนี้เลยครับ จากการออกมาเผยข้อมูลของประธานทีมอินเตอร์ มิลาน ทีมดังแห่งศึกกัลโช่ เซเรีย อิตาลี ซึ่ง โจเซ่ มูริญโญ่ กุนซือ เดอะสเปเชียลวันเคยร่วมงานด้วย โดยข้อมูลที่ถูกเปิดเผยนั้นกล่าวออกมาประมาณว่า โจเซ่ได้บอกกับตนผ่านทางโทรศัพท์ว่า อีก 3 ปีข้างหน้าไว้เจอกันที่อินเตอร์ ซึ่งก็พาให้สื่อต่างๆตีข่าวกันว่าโจเซ่ มูริญโญ่จะหวนกลับไปคุมทีมอินเตอร์ มิลาน ทีมที่เขาได้พาประสบความสำเร็จในช่วงระยะเวลาสั้นๆอีกครั้งใน 3 ปีข้างหน้า โดยจะเท่ากับว่า มูริญโญ่ได้แพลนอนาคตตัวเองเอาไว้แล้วว่าจะคุมทีมเชลซีเพียงแค่ 3 ปีเท่านั้น

       งานนี้ก็คงเล่นเอาบรรดาแฟนบอลสิงห์บูลร้อนๆ หนาวๆไปตามกันแน่ เพราะมูริญโญ่จัดว่าเป็นกุนซือฝีมือฉกาจที่สามารถพาทุกทีมประสบความสำเร็จได้ตลอด การที่มูริญโญ่จะย้ายไปคุมทีมอินเตอร์ มิลาน อีกครั้งใน อีก 3 ปีข้างหน้าจึงไม่ข่าวดีสำหรับทีมเชลซีเลย และถ้าจะมองหาตัวแทนมูริญโญ่ทั้งในเวลานี้ และในอีก 3 ปีข้างหน้าก็ยากเหลือเกิน กุนซือที่ผีไม้ลายมือดีต่างก็มีงานของตนเองกับทีมใหญ่ๆในยุโรปแล้วทั้งนั้น ที่เชลซีพอจะหาได้หากมูริญโญ่ไปจริงตามข้อมูลที่ถูกเผยออกมาโดยประธานทีมอินเตอร์ ก็คงจะไม่สามารถทดแทนมริญโญ่ หรือเทียบชั้นกันได้ แต่ทว่าหากมาตีความให้ดี และมองกันแบบเปิดใจจริงๆ สำหรับข้อมูลที่ถูกกล่าวโดยประธานของอินเตอร์ มิลาน

       ว่ามูริญโญ่นั้นบอกว่าอีก 3 ปีพบกันที่อินเตอร์ บางทีอาจเป็นเพียงการแพลนอนาคตไว้เล่นๆกรณีล้มเหลวกับเชลซี คือถ้าคุมเชลซีแล้วไม่ได้ดั่งใจก็ไปอยู่กับนาโปลี แต่ถ้าดั่งใจก็ต่อสัญญาออกไป หรือไม่อาจหมายถึงเพียงว่ามูริญโญ่จะเดินทางไปที่อินเตอร์ มิลานเพื่อพบปะกับประธานสโมสรอินเตอร์เฉยๆ หาได้กลับไปรับงานคุมทีมเหมือนเดิม อาจจะด้วยมีธุระที่ต้องไป หรือคิดว่าอยากจะเดินทางไปเที่ยวอิตาลีในเวลานั้นก็เป็นได้

860
       หลังจากเดินทางมาอุ่นเครื่องที่ประเทศไทย และพลาดท่าพ่ายให้กับทีมรวมดาราแข้งไทยลีก (สิงห์ออลสตาร์) ผีแดง แมนฯยูไนเต็ดก็มีคิวต้องเดินทางต่อไปยังประเทศออสเตรเลีย เพื่ออุ่นเกือกต่อกับทีมรวมดาราแข้งเอลีกของออสเตรเลียตามโปรแกรม เกมนี้แม้จะเป็นแมทอุ่นเครื่องแต่ก็ถือเป็นอะไรที่กดดันทีมผีแดงแมนฯยูไนเต็ดพอสมควร โดยเฉพาะตัวผู้จัดการทีม เดวิด มอยส์ เพราะนัดแรกของการประเดิมสนามคุมทีมอย่างเป็นทางการของเจ้าตัว ก็เริ่มต้นด้วยความพ่ายแพ้ไปแล้ว ทำเอาหน้าเครียดไปหลายวันเลยทีเดียว ทั้งเกมที่ต้องพบกับนักเตะจากเอลีกของออสเตรีเลียก็ดูแล้วเป็นงานอย่างกว่าที่ประเทศไทยด้วย ด้วยเอลีกนั้นเป็นลีกที่มาตรฐานค่อนข้างดีกว่าไทยลีก

       ทว่าแมทนี้กลับลงเอยด้วยชัยชนะอย่างท่วมท้นของทีมผีแดง ผิดกันกับแมทที่พ่ายแพ้ทีมสิงห์ออลสตารอย่างสิ้นเชิง โดยสกอร์อยู่ที่ 5-1 แบ่งเป็นการทำประตูโดยแดนนี่ เวลเบค กองหน้าดาวรุ่งของทีม 2 ประตู เจสซี่ ลินการ์ด 2 ประตู และ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ กองหน้าคนเก่งของทีมลงมาปิดท้ายอีก 1 ประตู ส่วนหนึ่งประตูของฝั่งเจ้าบ้านมาจาก เบซาร์ต เปรีซ่า แมทนี้จึงเปรียบเหมือนการปลดล็อกชัยชนะของเดวิด มอยส์ที่สวยหรูเลย หากว่าผลออกมาตรงกันข้ามคือจบด้วยความพ่ายแพ้ หรือเสมอ ความกดดันจะเพิ่มแก่ตัวกุนซือ เดวิด มอยส์มากเป็นทวีคูณเลย เพราะนั่นเท่ากับมอยส์จะต้องพยายามขวานหาชัยชนะให้เจอเร็วที่สุด

       และยิ่งพยายาม หรือยิ่งรีบร้อนเพื่อที่จะได้เจอกับชัยชนะก็ยิ่งอาจเจอกับความผิดพลาดในการทำทีม ในขณะที่ความไม่เชื่อมั่นในตัวเดวิด มอยส์ จากกองเชียร์ปีศาจแดงก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากที่สนับสนุนก็อาจกลายเป็นไม่สนับสนุน รวมถึงอาจเกิดการต่อต้านตัวกุนซือด้วย ซึ่งถ้าสถานการณ์เป็นอย่างนั้นก็เป็นเรื่องยากที่เดวิด มอยส์จะอยู่คุมทีมผีแดงในระยะยาว แต่ ณ ตอนนี้ เวลานี้ สถานการณ์ความเป็นจริงก็คือ เดวิด มอยส์กำลังเดินหน้างานของตนเองกับแมนฯยูไนเต็ดด้วยความง่ายขึ้นกว่าเดิมแล้ว

861
       ถือเป็นการเริ่มต้นทัวร์ปรีซีซันของหงส์แดง ลิเวอร์พูล ทีมยักษ์ใหญ่แห่งเกาะอังกฤษที่สวยงามทีเดียว หลังจากบดเอาชนะทีมเจ้าบ้าน อินโดนีเซียไปแบบสบายเกือก 2-0 แม้สกอร์อาจจะไม่สวยหรูงดงามเหมือนกับทีมร่วมลีกจากอังกฤษ “อาร์เซน่อล” ที่บุกมาเอาชนะทีมเจ้าบ้าน อินโดนีเซียไปก่อนหน้านี้แล้วด้วยสกอร์ 7-0 แต่ส่วนนึงก็ต้องยอมรับว่าฟอร์มการเล่นของเจ้าบ้านในวันที่พบกับหงส์แดงนี้ดีขึ้นกว่านัดที่เจอปืนใหญ่อยู่พอควร ฉะนั้นการเริ่มต้นด้วยชัยชนะไม่ว่าจะสกอร์เท่าไหร่ก็ถือเป็นการประเดิมทัวร์เอเชียที่สวยงามแล้ว

       ส่วนโปรแกรมต่อไปถ้าผมจำไม่ผิดสำหรับการมาทัวร์ปรีซีซั่นของทีมหงส์แดงก็คือ ออสเตรเลีย ซึ่งทางด้าน หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าตัวเก่งของทีมที่กำลังมีข่าวคราวปัญหาการย้ายทีมนั่นได้เดินทางไปรอสมทบอยู่ที่นั่นก่อนแล้ว ทั้งนี้เนื่องจากหลุยส์ ซัวเรซนั้นในช่วงปิดฤดูกาลมีคิวลงแข่งขันให้ทีมชาติอุรุกวัยในรายการคอนเฟเดเรชั่นส์ คัพ จึงได้สิทธิ์พักต่อ ไม่ได้เดินทางมาอินโดนีเซียกับเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆด้วย แต่ถึงกระนั้นการมาอินโดนีเซียของทีมดังแห่งเกาะอังกฤษก็น่าชื่นอกชื่นใจแทนแฟนบอลบอลหงส์แดงชาวอินโดนีเซีย ที่รอต้อนรับแล้วล่ะ เพราะสตาร์ในทีมคนอื่นๆก็ล้วนเดินทางมากับครบ คือมาเกือบหมดทั้งทีมเลย ทั้ง สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีม ฟิลิปเป้ คูติญโญ่ แดเนียล แอ็กเกอร์ เกล็น จอห์นสัน มาร์ติน สเคอร์เทล ฯลฯ ส่วนสิ่งที่น่าจดจำและถูกบันทึกไว้เป็นไฮไลท์ในการเดินทางมาอินดีโนเซียและลงแข่นขันกับทีมเจ้าบ้านของหงส์แดงหนนี้

       ก็ต้องเป็นบรรยากาศการเชียร์ในสนามของกองเชียร์ชาวอินโดนีเซียที่มาดูทีมรักแข่งขันนี่แหละ ซึ่งเป็นบรรยากาศที่แสดงออกถึงความคลั่งไคล้ในเกมฟุตบอล และทีมฟุตบอลที่พวกเขารัก และที่สำคัญพวกเขาสามารถร้องเพลงประจำทีมลิเวอร์พูล you’ll never walk alone ได้อย่างกึ่งก้องประนึงนั่งเชียร์อยู่ในสนามแอนฟิลด์ สนามเหย้าของหงส์แดง ลิเวอร์พูล กันเลยทีเดียว ประมาณว่าไม่ต้องเดินทางไปถึงแอนฟิลด์ ก็สามารถจำลองบรรยากาศสนามแอนฟิลด์ขึ้นมาได้ในประเทศตัวเอง


862
       โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กองหน้าฟอร์มฮอตของทีมเสือเหลือง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เวลานี้ถือเป็นนักเตะที่น่าเห็นใจมากๆอีกหนึ่งราย โดยเจ้าตัวมีความอัดอั้นตันใจเกี่ยวกับอนาคตการย้ายทีมของตนเอง ด้วยมีความต้องการย้ายทีมออกจากเสือเหลือง ดอร์ทมุนด์ และทีมที่เขาต้องการจะไปอยู่ด้วยก็น่าจะเป็นทีมเสือใต้ บาร์เยิร์น มิวนิค แต่ต้นสังกัดดอร์ทมุนด์นั้นไม่ต้องการขายเจ้าตัวออกจากทีม ขณะที่สัญญาระหว่างเขากับดอร์ทมุนด์นั้นยังมีอยู่ถึงกลางปี 2014 นั่นหมายความว่าเสือเหลืองอาจต้องการให้เลวานดอฟสกี้อยู่ที่นี้จนหมดสัญญา

       ถ้าเป็นเช่นนั้นเสือเหลืองจะไม่ได้ค่าตัวในการย้ายทีมของเลวานดอฟสกี้เลย ก็ไม่รู้ด้วยเหตุผลอะไรทำไมเสือเหลืองต้องทำเช่นนั้น และจะเป็ผลดีต่อทีมหรือ? หากเลือกเก็บนักเตะที่ไม่มีใจให้อยู่เล่นกับทีมต่อไป โดยการเปิดใจของเลวานวานดอฟสกี้ผ่านสื่อนั้น เขาพูดแสดงให้เห็นว่าตลอดซีซั่นที่ผ่านมานั้นเขาได้ทุ่มเทให้กับทีมเสือเหลือง ดอร์ทมุนด์อย่างเต็มที่ที่สุดแล้ว และตัวเขาเองก็คาดหวังว่าเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลเขาจะได้ย้ายทีมเพื่อไปทำตามความฝันของเขา เพื่อความท้าทายใหม่ๆที่ต่างไปจากการเล่นให้ดอร์ทมุนด์ ทว่าพอถึงเวลาจริงๆเขากลับไม่ได้รับการอนุญาตจากทางดอร์ทมุนด์ให้ย้ายทีม เขาจึงจำเป็นต้องอยู่ต่อกับดอร์ทมุนด์ อย่างไรก็ตามครับ ปัญหาขัดแย้งระหว่างนักเตะกับสโมสรแบบนี้

       น่าสนใจเหลือเกินว่าจะเป็นอะไรที่มีผลกระทบต่อฟอร์มการเล่นของทีมหรือไม่ ถ้าเริ่มฤดูกาลใหม่แล้วดอร์ทมุนด์ยังคงมีโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้เป็นผู้เล่นกองหน้าตัวหลัก เขาจะทำผลงานได้ยอดเยี่ยมเหมือนฤดูกาลที่แล้วหรือไม่? การยิงประตูแบบต่อเนื่องจะยังคงเหมือนเดิมไหม เพราะถ้าจิตใจไม่มีสมาธิอยู่กับเกมการแข่งขัน วันๆคิดแต่เรื่องย้ายทีม จะให้เค้นฟอร์มการเล่นอันสุดยอดออกมาก็คงเป็นเรื่องยาก ยิ่งกับตำแหน่งกองหน้าซึ่งต้องรับหน้าที่สำคัญคือการจบสกอร์ให้กับทีม ยิ่งดูเป็นอะไรที่เสี่ยงมากหากดอร์ทมุนด์จะเลือกเก็บเลวานดอฟสกี้เอาไว้ใช้งานต่อไป

863
       หลังจากมีกระแสข่าวเกี่ยวกับกับย้ายทีมของปีกพรสวรรค์ทีมสเปอร์ “แกเร็ธ เบล” ว่าอาจจะได้ย้ายไปร่วมทัพผีแดง แมนฯยูไนเต็ด หรือไม่ก็ทีมราชันชุดขาว รีล มาดริด ด้วยข้อเสนอขอซื้อตัวแกเร็ธ เล ด้วยจำนวนเงินก้อนโต ทว่าล่าสุด อังเดร วิลาช โบอาส นายใหญ่ของทีมไก่เดือยทอง ก็ได้ออกมาปฏิเสธข่าวคราวดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ โดยประกาศชัดเจนว่าไม่ได้มีทีมไหนยื่นข้อเสนอเข้ามาขอซื้อตัวแกเร็ธ เบล ทั้งนั้น และถึงจะมีเข้ามาก็ในจำนวนเงินเท่าไหร่ก็ตาม เขาก็ไม่ได้คิดจะขายเบลออกจากทีมไป

       ซึ่งการยืนยันชัดเจนหนักแน่นแบบนี้ก็ค่อนข้างทอดคล้องกับเจตจำนงของบอร์ดบริหารทีมสเปอร์ที่ออกมาพูดก่อนหน้าว่าต้องการเก็บเบลให้อยู่กับทีมต่อไป แต่ถึงอย่างไรก็น่าสนใจว่าทีมที่ต้องการได้ตัวแกเร็ธ เบล แต่ยังไม่ได้ยื่นข้อเสนอเข้ามาแบบจริงจังนั้น จะเดินเกมอย่างไรต่อจากนี้ จะทำการยื่นข้อเสนอเข้ามาเพื่อวัดใจสเปอร์เลยหรือเปล่า หรือจะปล่อยให้ตลาดซื้อขายเดินทางไปถึงช่วงเส้นตายก่อนปิดตลาดแล้วค่อนทำการรุกฆาตทีเดียว เหมือนที่หลายทีมเคยทำแล้วก็ได้ผลในการคว้าตัวนักเตะดังๆให้ย้ายมาอยู่ด้วย หรืออีกทางคือจะปล่อยให้แกเร็ธ เบลอยู่กับทีมสเปอร์ต่อไปจนจวนเจียนจะหมดสัญญากับทีมจริงๆค่อยเดินหน้าซื้อตัวเบลเข้ามาเสริมทัพ เพราะถ้าทำแบบนั้นมีสิทธิ์ที่จะได้เบลในราคาถูกๆ แล้วก็จะเป็นทางด้านทีมสเปอร์เองที่ต้องผิดหวังเพราะไม่ยอมขายเบลเสียตั้งแต่เนิ่นๆ

       แต่ถ้าหากว่าทีมยักษ์ใหญ่ที่อยากได้ตัวเบลไปเสริมทีมจะเลือกใช้วิธีนี้ สิ่งที่ต้องเกิดขึ้นมาก่อนก็คือ ใจที่อยากจะย้ายทีมของแกเร็ธ เบล คือถ้าปล่อยให้แกเร็ธ เบลอยู่กับทีมต่อไปโดยไม่ยื่นข้อเสนอเข้าไปซื้อตัวเสียแต่ตอนนี้ และแกเร็ธ เบลเล่นให้ทีมสเปอร์ไปเรื่อยๆ แล้วเกิดไม่ได้มีใจอยากจะย้ายทีมซะแล้ว กลายเป็นอยากปักหลักค้าแข้งในถิ่นไวท์ ฮาร์ท เลน ต่อไปยาวๆ ก็อาจมีการต่อสัญญาระยาวๆออกไปกับสเปอร์ เป็นแบบนั้นก็กลายเป็นว่าหมดสิทธิ์ได้ตัวเบลในช่วงฟอร์มพีคๆไปร่วมทีมค่อนข้างแน่นอน

864
       หลังจากที่รับหน้าที่เป็นมือโกลเบอร์หนึ่งให้กับหงส์แดงลิเวอร์พูลมาอย่างยาวนาน ก็น่าจะถึงคราวที่อนาคตของ โฆเซ่ เรน่า นายทวารจอมหนึบทีมชาติสเปนต้องผกผันซะแล้ว เพราะมีหลายสื่อตีข่าวว่า หงส์แดง ลิเวอร์พูลได้ปล่อยตัวโฆเซ่ เรน่าให้กับทีมาโปลียืมตัวไปใช้งานเป็นเรียยร้อย ภายหลังการเข้ามาของซิมงต์ มิโญเล่ ผู้รักษาประตูมือกาวคนใหม่ที่กุนซือแบรนแดน ร็อดเจอร์สเลือกน่าจะทำให้โฆเซ่ เรน่าส่อแววต้องตกไปเป็นผู้รักษาประตูมือสองในถิ่นแอนฟิลด์ ขณะที่ผมเขียนอยุ่นี้ก็ยังไม่ขอคอนเฟิร์มว่าโฆเซ่ย้ายไปนาโปลีแบบยืมตัวแล้วจริงหรือไม่

       เพราะยังไมมีการอย่างเป็นทางการจากทั้งสองสโมสรครับ แต่ด้วยสื่อหลายสำนักตีข่าวเหมือนๆกัน จึงคิดว่าน่าจะค่อนข้างร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วสำหรับอนาคตของเรน่าที่ต้องผกผันไป ทั้งที่ก่อนหน้านี้สักพักใหญ่ๆมีข่าวว่าเรน่าอยู่ในความสนใจของทีมบาร์เซโลน่า และเรน่าเองก็พร้อมย้ายซบยอดทีมแห่งแดนกระทิงดุด้วย ขณะที่ลิเวอร์พูลเองก็พยายามจะรั้งเรน่าให้อยู่กับทีมต่อไป ทว่าสถานการณ์กลับตาลปัตร และกลายเป็นเรน่าต้องเก็บกระเป๋าออกจาทีม จากการมาของซิมงต์ มิโญเล่ ผู้รักษาประตูจอมหนึบที่ลิเวอร์พูลซื้อตัวมาจากซันเดอร์แลนด์ แล้วแนวโน้มหลังจากการย้ายออกไปด้วยสัญญายืมตัวก็ดูเหมือนว่าเป็นการยากที่เรน่าจะกลับมาเฝ้าเสาที่แอนฟิลด์อีกครั้ง

       อาจได้ย้ายทีมไปอยู่นาโปลีแบบถาวร หรือไม่ก็ย้ายไปอยู่กับทีมอื่นแบบถาวรก็เป็นได้ เว้นเสียแต่ว่า ซิมงต์ มิโญเล่ ผู้รักษาประตูมือหนึ่งคนปัจจุบันของหงส์แดง ลิเวอร์พูลจะฟอร์มไม่ดีตามคาดการร์ไว้ หรือเกิดประสบปัญหาอาการบาดเจ็บขึ้นมา เมื่อนั้นเรน่าคงถูกเรียกตัวกัลบมาเป็นตัวหลักในการเฝ้าเสาให้หงส์แดง ลิเวอร์พูลต่อไป อย่างไรก็ตามการย้ายทีมครั้งนี้ของเรน่าจะเป็นการได้ย้ายกลับไปร่วมงานกับเจ้านายเก่า “ราฟาเอล เบนิเตซ” ซึ่งเคยคุมทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล อีกครั้ง


865

       หลังจากสิ้นสุดยุคของเป๊บ กวาดิโอล่า บาร์เซโลน่า ยอดทีมแดนกระทิงดุก็ได้ ตีโต้ บีลาโนบาขึ้นมารับตำแหน่งกุนซือแทน และก็สานต่อผลงานที่เป๊บทำไว้ได้อย่างดี โดยในฤดูกาลที่แล้วพาทีมบาร์เซโลน่าซิวแชมป์ลีกสูงสุดของสเปนไปแบบสบายๆ ทว่าขณะนี้มีข่าวล่ามาไว แว่วว่าตีโต้ บีลาโนบา นั้นลาออกจากตำแหน่งกุนซือของทีมบาร์เซโลน่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากปัญหาสุขภาพที่ตนเองต้องเผชิญมาในช่วงไม่กี่ปีหลังนี้ ซึ่งปัญหาสุขภาพหลักๆของบีลาโนบาก็คือโรคมะเร็ง

       ดังที่เป็นข่าวเมื่อฤดูกาลที่แล้วที่บาร์เซโลน่าต้องลงสนามแข่งขันหลายนัดโดยไร้กุนซือยืนคุมทีมข้างสนาม ด้วยต้องเข้ารับการรักษาโรคมะเร็งนี้ ส่วนเรื่องตัวแทนที่จะขึ้นมาคุมทีมแทนตีโต้ บีลาโนบา คาดกันว่าน่าจะเป็นผู้ช่วยของบีลาโนบาขึ้นมารักษาการแทนชั่วคราว และหลังจากนั้นบาร์เซโลน่าคงจะหากุนซือที่เหมาะสมเข้ามารับตำแหน่งแทนต่อไป ซึ่งก็เป็นที่น่าสนใจเหลือเกินว่าจะเป็นใคร และเมื่อเข้ามาแล้วจะทำทีมในรูปแบบไหน หากเป็นรูปแบบที่แตกต่างออกไปจากนี้ เราอาจได้เห็นบาร์เซโลน่าในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ส่วนนึงก็เชื่อว่า ถ้าทีมอย่างบาร์เซโลน่าจะหานายใหญ่คนใหม่มาคุมทีม คนๆนั้นจะต้อเป็นคนที่สามารถสานต่อปรัชญาการทำทีมในแบบฉบับบาร์ซ่าได้ คงไม่ใช่คนที่จะเข้ามาเพื่อเปลี่ยนแปลงให้บาร์เซโลน่าแตกต่างไปจากที่เป็นอยู่

       เพราะบาร์เซโลน่าที่เป็นอยู่ก็ถือเป็นอะไรที่มหัศจรรย์สำหรับวงการฟุตบอลมากพอแล้ว และพวกเขาก็ได้พิสูจน์ให้เราได้เห็นกันมาแล้วว่าแม้จะเป็นเป๊บ กวาดิโอล่า ยอดกุนซือที่ถูกยกย่องว่าเก่งอันดับต้นๆของโลก หรือไม่ใช่เป๊บที่คุมทีม พวกเขาก็สามารถเล่นฟุตบอลได้ดีเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา เพียงแต่ว่าฟุตบอลก็คือฟุตบอล ไม่อาจมีจุดศูนย์รวมได้ ไม่อาจก้าวเดินไปได้หากไม่มีผู้จัดการทีมที่เหมาะสมกับทีม ดังนั้นภารกิจสำคัญที่พวกเขาต้องทำ ถ้าบีลาโนบาลาออกจากตำแหน่งจริงๆก็คือ การเฟ้นหาผู้จัดการทีมคนใหม่ที่เหมาะสมให้ได้เร็วที่สุด


866
       ถือเป็นอีกประเด็นที่น่าสนใจอยากยิ่งสำหรับประเด็นอนาคตของปีกเนื้อหอมความเร็วสูงแห่งถิ่น ไวท์ อาร์ท เลน “แกเร็ธ เบล” ด้วยเจ้าตัวเป็นนักเตะที่ฟอร์มแรงที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2013-2014 จนทำให้หลายคนมองว่าถิ่นไวท์ อาร์ท เลน เล็กเกินไปสำหรับเจ้าตัว โดยเจ้าตัวน่าจะได้ค้าแข้งกับทีมที่ใหญ่กว่าสเปอร์ ซึ่งอาจหมายถึงสองทีมที่กำลังให้ความสนใจในการซื้อตัวแกเร็ธ เบลไปอยู่ด้วย “แมนฯยูไนเต็ด” ทีมคู่แข่งร่วมลีก และ “รีล มาดริด” ทีมดังแห่งศึกลาลีกา สเปน แต่กระนั้นในความต้องการของสเปอร์มีอย่างเดียวคือรั้งตัวนักเตะให้อยู่กับทีมต่อไปให้ได้

       โดยสเปอร์พร้อมทุ่มเงินเพิ่มค่าเหนื่อยให้กับแกเร็ธ เบล สูงถึงราว 150,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์เลยทีเดียว ก็ถือว่าเป็นจำนวนเงินค่าเหนื่อยที่เทียบเท่าได้กับนักเตะระดับซุปเปอร์สตาร์หลายๆคนในเกาะอังกฤษ ทว่าในความต้องการของทีมไก่เดือยทองกลับสวนทางกับความต้องการของตัวแกเร็ธ เบล ตามข้อมูลที่มีรายงานออกมาจากสื่อ ได้มีการระบุว่าแกเร็ธ เบล มีการพูดคุยกับเพื่อนสนิทถึงความต้องการของตนเองที่อยากย้ายไปร่วมทัพผีแดง และได้เข้าไปเล่นในฟุตบอลรายการแชมเปี้ยนส์ลีก รายการที่นักฟุตบอลทั่วโลกฝันอยากเข้าร่วมแข่งขัน แต่จริงมากน้อยประการใดสำหรับข้อมูลดังกล่าวไม่อาจการันตีได้นะครับ เพราะเป็นรายงานที่ออกจากสื่อเป็นทอดๆ หาได้มีการอ้างอิงประโยคคำพูดของแกเร็ธเบลจากการสัมภาษณ์แบบเป็นจริงเป็นจัง

       ฉะนั้นแฟนๆทีมไก่เดือยทองก็ยังมีหวังได้ว่าแกเร็ธ เบลจะมีโอกาสได้เล่นให้ทีมสเปอร์ต่อไป ทั้งนี้การขายเบลออกจากทีม แม้ว่าจะทำให้สเปอร์ได้รับเงินก้อนโต แต่การเก็บเบลไว้กับทีมน่าจะเป็นผลดีต่อทีมทั้งในระยะสั้น และระยะยาวมากกว่า โดยเฉพาะในระยะสั้นคือการลงสู้ศึกพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2013-2014 การมีเบลอยู่กับทีมอย่างน้อยก็ช่วยให้สเปอร์การันตีการทำผลงานให้ติดอันดับต้นๆของตารางคะแนนได้ หากว่าไม่มีเบลเป็นตัวทำเกมซะแล้ว บางทีทีมสเปอร์อาจมีผลงานที่ย่ำแย่จนหล่นลงมาอยู่เพียงกลางๆรางคะแนนก็เป็นได้

867
       ถือเป็นอีกหนึ่งดีลยักษ์ใหญ่ที่ต้องจับตากันให้ดี สำหรับ ติอาโก้ ซิลวา กองหลังพันธุ์แกร่งของสโมสรเศรษฐี เปแอสเช ปารีสแซงแชร์กแมงแห่งลีกเอิงของฝรั่งเศสที่ตอนนี้ได้กลายเป็นเป้าหมายหลักในการเสริมทัพของบาร์เซโลน่ายอดทีมแห่งสเปนไปแล้ว ภายหลังจากได้เสริมทัพด้วยตัวผู้เล่นแนวรุกระดับโลกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (เนย์มาร์) อย่างไรก็ตามดีลนี้ค่อนข้างน่าสนใจตรงที่ว่า เปแอสเชจะยอมใจอ่อนปล่อยตัวติอาโก้หรือไม่ เพราะเรื่องเงินสำหรับสโมสรเปแอสเชไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย นโยบายการขายนักเตะสตาร์ดังๆเพื่อเอาเงินเข้ากระเป๋าคงไม่ใช่สิ่งที่เปแอสเชจะทำ ณ เวลานี้

       มีแต่จะเลือกทุ่มเงินซื้อสตาร์ดังๆเพิ่มเข้ามาในทีมซะมากกว่า แต่ทว่า เผอิญว่า บาร์เซโลน่าเป็นหนึ่งทีมที่ดีที่สุดในโลก จัดอยู่ในท็อป 3 ของโลกก็ว่าได้ หากพวกเขาอยากได้ตัวติอาโก้ไปร่วมทีมจริงก็น่าห่วงแทนเปแอสเชว่า ติอาโก้นั้นอยากจะย้ายทีมไปร่วมทัพอาซูกราน่า และถ้าเป็นเช่นนั้นการขายในราคาดีๆเพื่อเอาเงินเข้าสโมสรก็คงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าจะเก็บนักเตะให้อยู่กับสโมสรต่อไป ส่วนเรื่องราคาที่บาร์เซโลน่ายินยอมจ่ายให้เปแอสเชเพื่อเป็นค่าตัวติอาโก้ ซิลวา ตามข่าวก็บอกมาว่าบาร์เซโลน่าพร้อมที่จะทุ่มสุดตัว ทุ่มกันแบบไม่กลัวจนกันเลยทีเดียว ฉะนั้นถ้าเดากันเล่นๆราคาขั้นต่ำของติอาโก้ ซิลวา ก็คงต้อง 30+

        แต่จะย้ายจริง หรือไม่จริงก็คงต้องติดตามข่าวจากทั้งสองสโมสรเป็นหลัก และถ้าเกิดย้ายมาจริงๆ คิดว่าแฟนๆของทีมบาร์เซโลน่าอาจได้ฉลองแชมป์กันล่วงหน้าได้เลย เพราะถ้าผนึกรวมกับขุมกำลังที่บาร์เซโลน่ามีอยู่ตอนนี้ จะทำให้ทีมบาร์เซโลน่าดูสมบูรณ์แบบขึ้นทันที จากเดิมที่แนวรุกเพอร์เฟคอยู่แล้ว แต่มีปัญหาในแนวรับอยู่บ้าง เมื่อซิลวาเข้ามาในทีมก็เหมือนเป็นการมาเติมเต็มความแข็งแกร่งในแนวรับทำให้ทีมสมบูรณ์แบบไปโดยปริยาย จากนี้ก็คงหาทีมไหนในลาลีกามาเทียบชั้นได้ยาก ยกเว้นทีมเดียว รีล มาดริด

868
       หลังจากเป็นข่าวอยู่นาน เอดิสัน คาวานี่ หัวหอกทีมชาติอุรุกวัยก็ได้ฤกษ์ย้ายทีมจริงๆเสียที โดยปลายทางถัดจากสโมสรโปลีของหัวหอกรายนี้ก็คือ สโมสรดังแห่งลีกเอิง ฝรั่งเศส ปารีสแซงแชร์กแมง ที่ไม่กี่ปีหลังนี้เป็นสโมสรที่ทุ่มเงินซื้อนักเตะชั้นดีเข้าไปอยู่กับทีมมากมาย ชนิดที่เรียกว่าไม่กลัวกระเป๋าฉีกกันเลยครับ เฉพาะค่าตัวนักเตะแต่รายไม่นับรวมค่าเหนื่อยก็ทำให้สโมสรอื่นอึ้งไปตามๆกันแล้ว อย่างในเคสของคาวานี่ ค่าตัวคาดการณ์กันว่าตกราวๆ 64 ล้านยูโร หรือประมาณ 55 ล้านปอนด์เลยทีเดียว

       มากกว่าค่าตัวของฟัลเกาที่ย้ายจากแอตฯมาดริดไปโมนาโกอยู่ประมาณ 4 ล้านยูโร ฉะนั้นแน่นอนว่านี้น่าจะเป็นสถิติใหม่ของนักเตะลีกเอิงที่มีค่าตัวสูงที่สุด ทว่าจะคุ้มหรือไม่คุ้มสำหรับเปแอสเช ต้องมาดูที่ผลงานโดยรวมของทีมครับ หากผนึกกำลังกันกับซุปเปอร์สตาร์รายอื่นๆในทีม อย่างเช่น สลาตัน อิราฮิโมวิช ผมคิดว่าคงพอทำให้เปแอสเชคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้ยากไม่ยากเย็นเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามต้องมาดูกันส่วนของการเสริมทีมของทีมอื่นๆในลีกเอิงด้วย อย่าง โมนาโกที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาใหม่ก็เสริมทีมได้ค่อนข้างน่ากลัว กองหน้าอย่างฟัลเกาตามที่กล่าวไปก็มีชื่อชั้น และฟอร์มการเล่นไม่ได้เป็นรองเอดิสัน คาวานี่ แต่อย่างใดเลย อยู่ที่ว่าใครจะปรับจูนให้เข้ากับระบบการเล่นของต้นสังกัดใหม่ได้เร็วกว่ากัน

       ซึ่งถ้ามองโดยส่วนตัวผมว่าใครจะเปรี้ยงปร้างกว่ากันกับต้นสังกัดใหม่ ระหว่างฟัลเกา กับ คาวานี่ ผมว่าทั้งสองคนจะสูสีกันมาก เปรียบกับพรีเมียร์ลีกก็คงเป็นประมาณ ซัวเรซ ของลิเวอร์พูล กับ เพอร์ซีของแมนฯยู คือกินกันไม่ลง แต่ด้วยความที่ติดตามบอลสเปนมากกว่าบอลอิตาลี ถ้าให้เชียร์จึงเชียร์ฟัลเกาที่ย้ายมาจากแอตฯมาดริดมากกว่าคาวานี่ที่ย้ายมาจากนาโปลี แต่กระนั้นถ้าจะให้ดีที่สุดก็ต้องขอให้ทั้งคู่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมด้วยกันทั้งคู่บอลลีกเอิงจะได้เป็นอีกหนึ่งลีกที่น่าติดตามชม ตามเชียร์เหมือนลีกยอดนิยมอื่นๆในยุโรป

869

       หลังจากที่บาร์เซโลน่าเริ่มมีการขยับเสริมทีมเช่นเดียวกันกับทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรปอื่นๆ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการต้อนรับฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่นาน สิ่งที่น่าจับตา นอกเหนือจากตัวผู้เล่นที่เข้ามาใหม่ก็คือ โอกาสในการลงสนามของนักเตะเดิมๆ และ เชส ฟาเบรกาสก็เป็นหนึ่งในนักเตะเหล่านั้น อดีตมิดฟิลด์แข้งพรสวรรค์ของปืนใหญ่ อาร์เซน่อลรายนี้ ถือเป็นนักเตะที่มีฝีเท้าโดดเด่นมาก ทีมน้อยใหญ่ต่างอยากได้ตัวไปร่วม แต่ด้วยสไตล์การเล่นที่ไม่เหมาะกับระบบของบาร์เซโลน่า จึงทำให้มีการคาดการณ์ไปต่างนานาเกี่ยวกับอนาคตที่ไม่แน่นอนของเชส ฟาเบรกาสในถิ่นคัมป์นูของบาร์เซโลน่า

       โดยว่ากันว่าภายหลังจากการเสริมทัพของบาร์เซโลน่าเพื่อต้อนรับฤดูกาลใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว และฤดูกาลใหม่มาถึง หากว่าเชสยังคงอยู่กับทีมต่อไป โอกาสในการลงสนามคงมีเพียงไม่กี่นัด ทีนี้ก็เลยทำให้สโมสรต้นสังกัดเดิมของเชส ซึ่งคือ ปืนใหญ่ อาร์เซน่อล พร้อมที่จะยื่นมือเข้ามาขอซื้อตัวเชสกลับบ้านเก่า ทว่ากลับมีกระแสข่าวออกมาว่าปืนใหญ่ อาร์เซน่อลไม่ใช่ปลายทางสำหรับการกลับอังกฤษที่เชสต้องการ ปลายทางที่เชสต้องการก็คือ ถิ่นโอลแทรฟฟอร์ดของแมนฯยูไนเต็ดตามรอยอดีตเพื่อนร่วมทีมอย่าง โรบิน ฟาน เพอร์ซีที่ย้ายไปเมื่อฤดูกาลที่แล้ว และประสบความสำเร็จได้ทันที บางทีความสำเร็จนั้นอาจเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจให้เชสอยากกลับไปอังกฤษแล้วไปอยู่กับแมนฯยูไนเต็ดมากกว่ากลับไปอยู่กับทีมเก่าอย่าง อาร์เซน่อลก็เป็นได้

       แต่มันก็น่าสนใจว่าถ้าเชสกลับอังกฤษจริง แล้วปลายทางเป็นแมนฯยู ความเป็นจริงกับสิ่งที่เชสหวังมันจะใช่สิ่งเดียวกันไหม เพราะความสำเร็จในปัจจุบันทันด่วนทันทีที่ย้ายทีมไปเหมือนที่โรบิน ฟาน เพอร์ซี ประสบความสำเร็จกับแมนฯยูไนเต็ด มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่เกิดขึ้นกับนักเตะได้ทุกราย และถึงจะบอกว่าเชสเองก็สามารถประสบความสำเร็จกับบาร์เซโลน่าได้ทันทีย้ายไป กระนั้นก็แน่ใจได้หรือว่านั่นคือความสำเร็จของเชสกับบาร์เซโลน่าที่แท้จริง ในเมื่อตอนนี้อนาคตของเชส ฟาเบรกาสที่บาร์เซโลน่าเป็นยังไม่มีอะไรแน่นอนเลย

870

       แม้จะเป็นช่วงปลายอาชีพของดาบิด บีญ่า หัวหอกเลือกกระทิงดุแล้ว แต่ก็น่าสนใจว่าการย้ายทีมจากบาร์เซโลน่ามาอยู่กับ แอตฯ มาดริด บีญ่าจะช่วยพาให้แอตฯมาดริดทำผลงานอันยอดเยี่ยมเหมือนที่ราดาเมล ฟัลเกา พาทำมาแล้วได้หรือไม่ เพราะยังไงถ้าเรามาไล่เรียงรายชื่อนักเตะในทีมแอตฯมาดริด บีญ่าที่เพิ่งเข้ามาใหม่ก็ดูดีมีชื่อชั้นมากที่สุดในทีมแล้ว ทั้งเรื่องของประสบการณ์ในการเล่นแมทใหญ่ๆก็มากโขกว่าเพื่อนร่วมทีมรายอื่นๆ

       และถ้าพูดกันตามความเห็นส่วนตัวของผมสำหรับการนำพาแอตฯมาดริดให้ทำผลงานอันยอดเยี่ยมได้โดย ดาบิด บีญ่า ผมคิดว่าบีญ่าทำได้ดีในระดับนึงแน่นอน แต่ด้วยอายุอานามที่มากแล้วจะเปรียบเทียบกับฟอร์มการเล่นที่ฟัลเกาทำไว้ ก็ไม่รู้จะได้หรือเปล่า เรียกว่าต้องไปวัดดวงกันอีกที เพราะถ้าบีญ่าตอนนี้เทียบเท่าระดับฟัลเกา บาร์เซโลน่าก็คงไม่ยอมปล่อยตัวให้ย้ายมาอยู่กับ แอตฯมาดริดง่ายๆแบบนี้แน่นอน คงได้อยู่ยาวเป็นสามประสานแนวรุกร่วมกับ เมสซี่ และเนย์มาร์ที่คัมป์ นู ซะมากกว่า แต่ก็นั่นแหละครับ นักเตะคนนึงอยู่กับทีมนึงแล้วไม่ประสบความสำเร็จ ไม่ได้แปลว่าย้ายไปอยู่กับทีมอื่นแล้วจะไม่ประสบความสำเร็จ และด้วยลีกลาลีกา สเปน เป็นลีกที่ส่วนตัวผมมองว่า นักเตะกองหน้าเล่นง่าย ยิงประตูทีมคู่แข่งได้ง่ายกว่าลีกอย่าง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ หากว่าบีญ่าได้ลงสนามสม่ำเสมอ ก็มีลุ้นได้เป็นดาวซัลโวประจำทีมแทนที่ราดาเมล ฟัลเกาได้เลย

       เผลอๆอาจเลยไปถึงการลุ้นแย่งดาวซัลโวประจำลีกากับเพื่อนร่วมทีมเก่า อย่าง เมสซี่ และอีกหนึ่งสตาร์จาก รีล มาริด คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้เลยด้วย คือมีตัวแปรอยู่ที่โอกาส แล้วก็สภาพร่างกายของบีญ่าแล้วล่ะ ถ้าได้รับโอกาสสม่ำเสมอตามคาด และร่างกายก็ฟิตสมบูรณ์ไม่มีอาการบาดเจ็บรบกวนตลอดซีซั่นเต็มๆ ผมฟันธงตรงนี้เลยว่า บีญ่าไม่น้อยหน้าราดาเมล ฟัลเกา อดีตฮีโร่ของทีม แอตฯมาดริดแน่นอน


Pages: 1 ... 56 57 [58] 59 60 61