Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - Journalist

Pages: 1 ... 57 58 [59] 60 61
871

       หลังปิดฤดูกาลกันไปพักใหญ่ นักเตะทีมสโมสรในยุโรปจำนวนนึงก็ได้พักผ่อนกันอย่างเต็มอิ่ม คราวนี้ก็ถึงเวลาของการเริ่มต้นปรีซีซั่นเพื่อรอต้อนรับศึกหนักในซีซั่น 2013-2014 กันแล้ว ทีมใหญ่ๆในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ อย่างอาร์เซน่อล กับ ลิเวอร์พูลก็พร้อมใจกันเริ่มต้นปรีซีซั่นด้วยฟอร์มอันสวยหรู กระแทกใจแฟนบอลอย่างแรงด้วยการถล่มเอาชนะคู่แข่งอุ่นเครื่องไปแบบขาดลอย ลิเวอร์พูลเริ่มด้วยการถล่มเปรสตันไป 4-0 ขณะที่ทีมอาร์เซน่อลซึ่งเดินทางมาอุ่นเครื่องที่เอเชีย กับทีมอิเหนา อินโดนีเซีย ถล่มเจ้าบ้านไปยับเยิน 7-0 เรียกได้ว่างานนี้ไม่ไว้หน้าแฟนบอลเจ้าบ้านเลย

       แต่อีกฝากของความรู้สึกที่แตกต่างกันสิ้นเชิง เป็นการเริ่มต้นที่ไม่สวยของสองทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ ทีมนึงเป็นแชมป์เก่า อีกทีมเป็นรองแชมป์เก่า (รายการพรีเมียร์ลีก อังกฤษ) แมนฯยูไนเต็ด อย่างที่แฟนบอลชาวไทยทราบผลกันดีบุกมาพ่ายทีมสิงห์ออลสตาร์ 1-0 ส่วนแมนฯซิตี้ บุกไปพ่ายทีม ซูปเปอร์สปอร์ต ยูไนเต็ด แอฟริกาใต้ 2-0 ถือเป็นการรับน้องกุนซือใหม่อย่าง เดวิด มอยส์ และ มานูเอล เปเยกรินี่ไปในตัวเลย แล้วก็น่าห่วงแทนแฟนบอลของทั้งสองทีม เพราะการเริ่มต้นแบบนี้ ชักสื่อถึงสัญญาณที่ไม่ดีสำหรับอนาคตของทั้งสองทีมในฤดูกาลที่จะเริ่มต้นขึ้นซะแล้ว บางทีความคาดหวังที่มากเกินไป อาจกลายเป็นดายสองคมที่มาทำร้ายกุนซือสองร้ายนี้ให้สร้างสรรค์ผลงานออกมาได้ย่ำแย่ก็เป็นได้ และถ้าเป็นเช่นนั้น ฤดูกาลใหม่มีหวังเราอาจได้เห็นเชลซีผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกแบบง่ายดาย

       หรืออาจจะเป็นทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อลที่กระโดดขึ้นมาคว้าแชมป์ในฐานะม้านอกสายตา แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การคาดการณ์การคว้าแชมป์จะเป็นแบบใด สิ่งที่แน่ๆ และสองทีมแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ต้องทำในทันที และทำให้ได้สำเร็จก็คือ การรีบเปลี่ยนแปลงฟอร์มการเล่นที่เป็นอยู่ตอนนี้ เพราะมิเช่นนั้นการคาดการณ์เล่นๆของผมอาจเป็นจริงก็ได้ ก็อย่างที่รู้กันว่าเวลาเพียงฤดูกาลเดียวไม่ใช่เวลาที่ยาวนานสำหรับการแก้ไขข้อผิดพลาดเลย ความผิดพลาดของแมนฯซิตี้ก็มีให้เห็นมาแล้วในฤดูกาลที่ผ่านมา

872

       จะเรียกว่าผิดคาดก็ไม่เชิง ในส่วนดีลการย้ายทีมของ ติอาโก้ อัลกันตาร่า ดาวรุ่งพุ่งแรงชาวสเปนที่ย้ายจากบาร์เซโลน่าไปอยู่กับ บาร์เยิร์น มิวนิค เพราะก่อนหน้านี้ก็มีการคาดการกันเหมือนกัน แต่ข่าวที่แรงกว่า และน่าเป็นไปได้มากกว่าก็คือ ข่าวการย้ายไปร่วมทัพผีแดง แมนฯยูไนเต็ด หรืออีกทางคืออยู่เล่นต่อกับบาร์เซโลน่า ทว่าทำไปทำมา ได้มีการประกาศชัดเจนจากบาร์เยิร์น มิวนิคเรื่องการตกลงเซ็นต์สัญญาคว้าติอาโก้ อัลกันตาร่าร่วมทัพแล้ว

       สนนค่าตัวตามที่เปิดเผยออกมาอยู่ที่ราว 25 ล้านยูโร ซึ่งนับว่าเป็นเงินก้อนโตมากสำหรับนักเตะดาวรุ่ง แต่ถ้าเทียบกับอนาคตที่อัลกันตาร่าน่าจะสร้างสรรค์ผลงาน และก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักที่พาบาร์เยิร์น มิวนิคยิ่งใหญ่ในอนาคตวันข้างหน้า ถือว่าคุ้มค่ามาก ฉะนั้นอาจจะเรียกได้ว่าเป็นความผิดพลาดของแมนฯยูไนเต็ดที่ไม่เร่งเดินหน้าขอซื้อตัวอัลกันตาร่าแบบจริงๆจังๆ จนผลลัพธ์ออกมาแบบนี้ อย่างไรก็ตามเรื่องของการซื้อๆ ขายๆตัวผู้เล่น เป็นเรื่องที่ไม่อาจตัดสินได้ว่าทีมไหนผิดพลาด บางที่ที่เราเห็นข่าวออกมาคึกโครมว่าแมนฯยูไนเต็ดต้องการตัว ติอาโก้ อัลกันตาร่า อาจเป็นเพียงข่าวลือเล่นๆที่ผสมความจริงบ้างนิดหน่อยก็ได้ เช่น ในความเป็นจริงแมนฯยูไนเต็ดอาจเห็นว่าติอาโก้เป็นนักเตะดาวรุ่งที่ฝีเท้าดีอนาคตไกล ถ้าได้มาร่วมทีมก็คงเป็นเรื่องที่ดี

       แต่ไม่ได้หมายความว่าแมนฯยูไนเต็ดต้องการตัวติอาโก้มาร่วมทีมจนถึงขนาดต้องทุ่มเงินซื้อตัวแบบที่ บาร์เยิร์น มิวนิคทำ ดังนั้นนี่อาจไม่ใช่เรื่องผิดพลาดในการซื้อตัวของทีมแมนฯยูไนเต็ดอะไรเลย ในฐานะแฟนบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษก็แค่รู้สึกเสียดายเท่านั้นเองครับ ที่พรีเมียร์ลีกต้องพลาดนักเตะฝีเท้าดีไปอีกราย เพราะว่าหากมีนักเตะฝีเท้าดี อายุน้อยแบบติอาโก้เพิ่มเข้ามาคงทำให้พรีเมียร์ลีก อังกฤษมีสีสันและความมันส์ของเกมการแข่งขันเพิ่มขึ้น

873
       หลังจากพลาดดีลเอ็มคิตาร์ยาน ไปเป็นที่เรียบร้อย หงส์แดง ลิเวอร์พูลก็ได้เบนเป้าหมายการเสริมทัพทดแทนดีลเอ็มคิตาร์ยานไปที่ คริสเตียน อีริคเซ่น ของสโมสร อาร์แจกซ์ อันเตอร์ดัม ทีมดังแห่งลีกฮอลแลนด์ ซึ่งเจ้าตัวเหลือสัญญากับทีมเหลือเพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น มองในฐานะคนดูบอลว่าคุ้มไหม หรือทดแทนกันได้ไหมสำหรับ เอ็มคิตาร์ยาน กับ อีริคเซ่น ผมว่าทดแทนได้แน่นอน และน่าจะคุ้มว่าการซื้อเอ็มคิตาร์ยานด้วย เพราะแนวโน้มที่ลิเวอร์พูลจะได้ซื้อในราคาที่ถูกกว่ามีมาก

       แล้วถึงแม้นว่าเป้าหมายแรกในตำแหน่งจอมทัพที่ลิเวอร์พูลพลาดไปจะทำผลงานได้ยอดเยี่ยมกับต้นสังกัด ชัคเตอร์ โดเน็ตในฤดูกาลที่ผ่านมา แต่นั่นก็ไม่ได้การันตีฟอร์มการเล่นในฤดูกาลต่อจากนี้ ฉะนั้นเอาคริสเตียน อีริคเซ่นที่มีแววพอๆกันมาลองให้โอกาสดูก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่ แล้วถ้าผลออกมาว่า อีริคเซ่นย้ายมาหงส์แดงแล้วทำผลงานได้ยอดเยี่ยมกว่า เอ็มคิตาร์ยานที่ไปเล่นให้ดอร์ทมุนด์ จะมองว่าใครคุ้มกว่าล่ะครับ อีริคเซ่นที่ค่าตัวน้อยกว่า หรือเอ็มคิตาร์ยานที่ค่าตัวแพงกว่า? แต่หากอีริคเซ่นฟอร์มไม่ดีเท่า ก็ถือว่าเสมอตัวไปเพราะค่าตัวถูกกว่า อย่างไรก็ตามหงส์แดงก็ยังอาจได้ลุ้นฟอร์มการเล่นของนักเตะรายๆใหม่ๆที่เข้ามาในทีมต่อจากอีริคเซ่นด้วย

       เพราะแน่นอนว่าการซื้อนักเตะในราคาที่ถูกกว่าเป้าหมายเดิม ย่อมทำให้ทีมเหลืองบประมาณในการเสริมทีม และนั่นก็หมายถึงโควตานักเตะใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในทีม อาจมีนักเตะตำแหน่งแบ็กเพิ่มเข้ามาอีกสักคน หรือนักเตะตำแดนกลางเพิ่มมาอีกคน ซึ่งก็คงพอทำให้เดอะ ค็อป ได้อุ่นใจในผลงานตลอดทั้งซีซั่น 2013-2014 ได้บ้าง มันดีกว่าที่จะเอาเงินก้อนโตไปทุ่มซื้อนักเตะแพงๆมาสักราย แล้วพอฟอร์มไม่ดี ก็จบกัน ไม่ได้ลุ้นหวังพึ่งนักเตะรายอื่นๆอีกแล้ว เพราะงบหมด

874
       แม้ว่าสโมสรหงส์แดง ลิเวอร์พูลจะได้ทำการใส่รายชื่อของหลุยส์ ซัวเรซเข้าไปอยู่ในลิสต์รายชื่อนักเตะที่จะได้เดินทางมาทัวร์ปรีซีซั่นที่เอเชียกับเพื่อนร่วมทีมรายอื่นๆแล้ว แต่ข่าวการย้ายทีมอันหนาหูของเจ้าตัวก็ยังไม่จบสิ้นลงแต่อย่างใด ยังคงมีให้คอบอลได้เห็นกันเรื่อยๆ และพัฒนาไปตามลำดับด้วย ทั้งที่การใส่รายชื่อหลุยส์ ซัวเรซเข้าไปในลิสต์นักเตะที่จะเดินทางมาทัวร์ปรีซีซั่นที่เอเชียนั้น เป็นเสมือนการแสดงเจตจำนงที่ชัดเจนว่าลิเวอร์พูลต้องการที่จะเก็บเขาไว้กับสโมสรต่อไป และนักเตะเองก็ยังคงมีใจที่จะเล่นให้สโมสรต่อ

       โดยล่าสุดข่าวการย้ายทีมที่ออกมาของซัวเรซนั้นได้อ้างว่า เอเย่นต์ หรือผู้จัดการส่วนตัวของหลุยส์ ซัวเรซนั้น กระตุ้นให้สโมสรที่ต้องการตัวซัวเรซไปร่วมทัพ (อาร์เซน่อล, รีล มาดริด) ยินยอมทุ่มเงินจำนวน 40 ล้านปอนด์เพื่อเป็นค่าฉีกสัญญาระหว่างหลุยส์ ซัวเรซกับลิเวอร์พูล แล้วทำให้ซัวเรซได้ย้ายทีมได้ในทันที อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าที่เราเห็นแล้วว่า อาร์เซน่อลได้ยื่นเงินจำนวน 30 ล้านปอนด์ และ 35 ล้านปอนด์ตามลำดับเพื่อสู่ขอตัวซัวเรซ แต่ผลลัพธ์ก็คือถูกลิเวอร์พูลปฏิเสธไปแบบไม่แทบจะไม่ต้องคิดเลย น่าสนใจครับสำหรับเงินจำนวน 40 ล้านปอนด์ หากว่าอาร์เซน่อลกล้าทุ่มเพิ่ม หรือจู่ๆมาดริดยื่นมาทันทีเลย 40 ล้าน ลิเวอร์พูลจะว่ายังไง การรับข้อเสนอต้องรับแน่นอน ทว่าอารมณ์ที่ลิเวอร์พูลอยากจะเก็บซัวเรซอยู่กับทีมต่อไป อาจทำให้เงินจำนวน 40 ล้านปอนด์ดูน้อยเกินไปในสายตาลิเวอร์พูล

       บางทีหากอยากให้ดีลนี้จบลงจริงๆ อาร์เซน่อล หรือ รีล มาดริด อาจต้องยอมจ่ายมากกว่า 40 ล้านปอนด์ จะเป็นเงินก้อนโตอย่างเดียวประมาณ 45-50 ล้าน หรือจะเป็นเงิน+อ็อปชั่นแถมนักเตะ เช่น 40+ อิกวาอิน ก็ว่ากันไป ที่แน่ๆคือถ้าลิเวอร์พูลจะขายซัวเรซออกไปจริง ต้องคุ้มค่ามากจริงๆ เว้นเสียแต่ซัวเรซหาญกล้าขอขึ้นบัญชีย้ายทีม ตัวเลขค่าตัวการย้ายทีมก็คงตายตัวอยู่ที่ 40 ล้านปอนด์

875
       หลังจากสิ้นสุดยุครุ่งเรื่องของกาซิยาส กับทีมชาติสเปนชุดใหญ่แล้ว ถ้าจะมามองหาตัวแทนในเวลานี้ ส่วนตัวก็เห็นจะมีเพียงหนึ่งเดียว “ดาบิด เดเกอา” ผู้รักษาดาวรุ่งพุ่งแรงของแมนฯเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เพิ่งประสบความสำเร็จคว้าทั้งแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีกับแมนฯยูไนเต็ด และแชมป์ยูโรยู 21 กับทีมชาติสเปนชุดยู 21 เดเกอาเป็นผู้รักษาที่อายุยังน้อย เมื่อเทียบประสบการณ์กับผู้รักษาประตูร่วมชาติรุ่นพี่อย่างโฆเซ่ เรน่า ของหงส์แดง ลิเวอร์พูลแล้ว ประสบการณ์อาจเป็นรองมากโข ทว่าฝีมือที่วัดไม่ได้จากประสบการณ์ สำหรับผู้รักษาประตูอายุน้อยรายนี้

       ถือว่าไม่เป็นรองเรน่าในด้านไหนเลย เทียบกันแบบไม่นับอายุเดเกอา อาจดูเหนือ และเหนียวหนึบกว่าเรน่าเสียด้วยซ้ำไป อนาคตการเดินตามรอยรุ่นพี่ทีมชาติมือหนึ่งอย่าง อีเก้ กาซิยาสจึงดูแล้วไม่ไกลเลย น่าจะบอกว่าอาจมาถึงในเร็ววันนี้ด้วย ส่วนจุดเด่นของเดเกอา อยู่ที่ความนิ่ง และสภาพจิตใจที่แข็งแกร่งเกินกว่าจะอ่อนไหวต่อแรงกดดันรอบด้าน ซึ่งสิ่งนี่แหละที่จะเป็นกุญแจสำคัญให้เขาได้ก้าวขึ้นมาทดแทนกาซิยาสได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทว่า อย่างไรก็ตามระยะทาง และวันเวลาสำหรับการเดินตามรอยกาซิยาสยังอีกยาวไกล ฉะนั้นการันตีไม่ได้อยู่ดีว่า เดเกอาจะทำได้ดีสุดยอดเยี่ยงผู้รักษาประตูมือหนึ่งของสเปน และของโลกเฉกเช่นที่กาซิยาสทำไว้ตอนนี้หรือไม่

       เพราะโลกใบนี้ก็มีผู้รักษาประตูหลายรายแสดงให้เห็นแล้วว่าการยืนระยะเพื่อรักษาฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยม การเซประตูอันเหนียวหนึบให้อยู่คู่ตัวเองได้เป็นระยะเวลาหลายสิบปีเหมือนที่กาซิยาสทำได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และแน่นอนมีผู้รักษาประตูไม่กี่รายที่ทำได้แบบนั้น บางรายสามารถที่จะโชว์ฟอร์มอันเหนียวหนึบของตนเองได้เพียง 3-4 ปี ก็ไม่อาจเรียกฟอร์มกลับมาได้แล้ว การเดินตามรอยกาซิยาสของเดเกอาจึงถือเป็นบทพิสูจน์จิตใจที่แข็งแกร่งของเขาได้อย่างดีที่สุด

876

       อาจเรียกได้ว่าเป็นคู่กองกลางในฝันของเดวิด มอยส์สำหรับ เชส ฟาเบรกาส กองกลางของบาร์เซโลน่า กับ มารูยาน เฟลไลนี่กองกลางของทีมทอฟฟี่สีน้ำเงิน เอฟเวอร์ตัน ทีมเก่าของเดวิด มอยส์ เพราะตอนนี้ข่าวแว่วๆว่าเดวิด มอยส์ต้องการซื้อตัวสองกองกลางนี้มาจับคู่เล่นด้วยกันในถิ่นโอลแทรฟฟอร์ดของทีมแมนฯยูไนเต็ด ซึ่งถ้าได้ตัวมาจริงๆ ผมว่าแมนฯยูไนเต็ดภายใต้การทำทีมของกุนซือ เดวิด มอยส์จะกลายเป็นขุมกำลังที่น่ากลัวสำหรับทุกทีมในพรีเมียร์ลีก ขึ้นมาทันทีเลย

       โดยตอนนี้ขุมกำลังในกองหน้า และกองหลังก็ถือว่าลงตัวดีอยู่แล้ว ในส่วนของกองหน้า และแนวรุกก็มี โรบิน ฟานเพอร์ซีเป็นตัวยืน มีชิชาร์ริโต้ที่จบสกอร์ได้ดีๆ แถมยังได้มีการเสริมเอาวิเฟรด ซาฮา นักเตะดาวรุ่งมากพรสวรรค์เข้ามาเพิ่มอีก กองกลังก็ยังคงมี ริโอ เฟอร์ดินานด์ มีเนมันย่า วิดิช มีพาทริก เอวร่า ซึ่งทั้งฝีเท้าและประสบการณ์ล้นเหลือ แต่ถ้ามองกันที่ความเป็นไปได้ว่าเป็นไปได้มากแค่ไหนสำหรับการย้ายมาพร้อมกันของสองกองกลาง “มารูยาน เฟลไลนี่” และ “เชส ฟาเบรกาส” ก็คงจะอยู่ที่ว่าแมนฯยูไนเต็ดจะกล้าทุ่มเงินซื้อหรือเปล่า เพราะทั้งสองรายคงมีค่าตัวรวมกันไม่เบาเลย คือสองรายไม่น่าจะต่ำกว่า 50 ล้านปอนด์ ถ้าแมนฯยูไนเต็ดกล้าทุ่มพอ ในรายของเฟลไลนี่คงได้ย้ายมาร่วมทีมไม่ยากเย็น

       ด้วยเดวิด มอยส์นั้นเป็นอดีตผู้จัดการทีมที่ทำงานในเอฟเวอร์ตันมานาน และก็เป็นคนที่ซื้อมารูยาน เฟลไลนี่เข้ามาร่วมทีมเอฟเวอร์ตันเอง อีกอย่าง เฟลไลนี่ก็คงอยากที่จะย้ายไปเล่นกับทีมที่ใหญ่กว่า ทีมที่ได้สิทธิ์ไปเล่นยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก และมีเป็นทีมที่มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า ซึ่งแมนฯยูไนเต็ดคือคำตอบนั้น ทว่าด้านของเชสฟาเบรกาสนั้นต้องไปวัดใจบาร์เซโลน่าเอาเองครับว่าอยากจะขายหรือเปล่า โดยเป็นไปได้ทั้งสองทางขึ้นอยู่กับว่าการพูดคุยระหว่างเชสกับบาร์เซโลน่าเกี่ยวกับเรื่องนี้จะได้ข้อสรุปออกมาแบบไหน

877
       ในขณะที่หลายทีมในอังกฤษเริ่มต้นปรีซีซั่นด้วยฟอร์มที่ไม่น่าประทับใจ ทีมไอ้ปืนโต อาร์เซน่อล กลับเดินหน้าสร้างสรรค์ฟอร์มการเล่นอันงดงามอย่างต่อเนื่อง เริ่มต้นจากการบุกไปเอาชนะอินโดนีเซีย 7-0 ต่อเนื่องด้วยการบุกไปถล่มเวียดนาม 7-1 รวมเบ็ดเสร็จสองนัดซัดไป 14 ประตู และเสียไปเพียงแค่ 1 ประตูเท่านั้น ซึ่งฟอร์มการเล่นแบบนี้ใช่ว่าจะเกิดขึ้นได้ง่ายๆกับทีมไหนบนโลกใบนี้ แม้ว่าจะเป็นทีมที่เต็มไปด้วยซุปเปอร์สตาร์ระดับโลกก็ตามที แต่อาร์เซน่อลพิสูจน์แล้วว่าแนวทางการเล่นบอลเป็นทีมเวิร์กในแบบฉบับของพวกเขาสามารถทำเช่นนั้นได้

       เมื่อย้อนกลับไปดูที่ฟอร์มการเล่นของทีมยักษ์ใหญ่ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษทีมอื่นๆ แล้วจึงฉุกคิดได้ว่าบางทีพวกทีมเหล่านั้นอาจให้ความสำคัญกับการใช้นักเตะซุปเปอร์สตาร์มากจนเกินไปเลยพลอยทำให้ระบบทีมเวิร์ก การประสานงานของนักเตะในทีมห่วยลงไป เวลาทีมขาดนักเตะซุปเปอร์สตารตัวหลักๆลงสนามผลงานก็เลยออกมาไม่ดีอย่างเห็น แต่ถ้าคิดไปเช่นนั้นก็มีคำถามเกิดขึ้นในใจต่อมาอีก แล้วอย่างนี้ทำไมอาร์เซน่อลถึงไม่ใช่ทีมที่ประสบความสำเร็จในฤดูกาลที่ผ่านมา รวมถึงฤดูกาลก่อนๆละ ทำไมเป็นทีมที่ซุปเปอร์สตาร์ดังๆ เน้นการใช้ความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะล่ะที่ประสบความสำเร็จ ฉะนั้นจึงได้คำตอบมาว่าเคล็ดลับของความสำเร็จทีมฟุตบอล อาจอยู่ที่ระบบทีมเวิร์ก+ความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะ เฉกเช่นทีมบาร์เซโลน่าที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในหลายปีให้หลัง

       โดยพวกเขาเป็นทีมที่เล่นบอลเป็นทีมได้ดีที่สุดทีมนึงของโลก เน้นการเล่นผ่านบอลไปมา ประสานงานกันตลอดเวลา มีการจ่ายบอลที่แม่นยำ เพื่อนร่วมทีมที่ไม่ได้มีบอลอยู่กับเท้าก็จะวิ่งหาช่องเพื่อให้เพื่อนที่มีบอลส่งบอลจ่ายบอลได้ง่ายๆ ขณะเดียวกันนักเตะภายในทีมก็เป็นนักเตะซุปเปอร์สตาร์ระดับบเวิร์ดคลาสของโลก เช่น ลิโอเนล เมสซี่ ซาบี เอร์นานเดซ อันเดรส อิเนียสต้า เคราร์ด ปีเก้ เป็นต้น เมื่อมองย้อนกลับมาที่ทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ทีมที่ระบบทีมเวิร์กดีแต่ไร้ความสำเร็จมานานจึงได้ทราบคำตอบว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

878

       เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า เอ็มคิตาร์ยาน ห้องเครื่องตัวสำคัญทีมชาติอาร์เมเนีย ได้ทำการเซ็นต์สัญญาย้ายไปอยู่กับทีมเสือเหลือง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทีมดังแห่งศึกบุนเดสลีก้า เยอรมัน หลังจากที่เป็นหนึ่งดีลความหวังของแฟนบอลเดอะ ค็อป มายาวนาน แต่ด้วยสโมสรลิเวอร์พูลนั้นยื่นข้อเสนอให้กับชัคเตอร์ โดเน็ตส์ ด้วยจำนวนทีน้อยเกินไป จึงทำให้ดีลนี้ล่มลง และเป็นดอร์ทมุนด์ที่กล้าเข้ามาทุ่มเงินซื้อมากเป็นจำนวนถึง 27 ล้านปอนด์โดยประมาณ ซึ่งถามว่าคุ้มกันไหมสำหรับนักเตะที่เพิ่งโด่งดังขึ้นมา และยังไม่ผ่านการเล่นในลีกใหญ่ๆของยุโรป

       คำตอบคือ ไม่คุ้ม แต่ไม่แน่ถ้ามาแล้วโชว์ฟอร์มได้ดีตามที่ถูกคาดหวังไว้ ค่าตัวราวๆนี้อาจน้อยเกินไปก็ได้ เพราะถ้าเขามาโชว์ผลงานได้ดีกับทีมดอร์ทมุนด์ หากทีมอื่นต้องการตัวไปร่วมทีม ด้วยราคาที่ดอร์ทมุนด์ซื้อมา 27 ล้านปอนด์ก็คงเป็นไปไม่ได้แล้ว อาจตกราวๆ 30 ล้านปอนด์เป็นอย่างน้อย แต่ถ้ามันตรงกันข้าม คือเข้ามาแล้วก็โชว์ฟอร์มการเล่นได้แบบลุ่มๆ ดอนๆ ประเภทสามวันดีสี่วันไข้ อย่าแต่จำนวน 27 ล้านปอนด์เลย สัก 10 ล้านปอนด์ก็ยังเป็นเรื่องยากแล้วที่จะทีมไหนมาเซ้งต่อ อย่างไรก็ตามการที่ลิเวอร์พูลพลาดดีลเอ็มคิตาร์ยานไปให้กับดอร์ทมุนด์ อาจไม่ถือเป็นเรื่องเสียหายนัก เพราะเชื่อว่าเหตุผลหลัก คือลิเวอร์พูลน่าจะประเมินค่าตัวของเอ็มคิตาร์ยานได้ดีพอแล้ว คงคิดว่าไม่คุ้มแน่หากต้องจ่านเกิน 20 ล้านปอนด์

       จึงปล่อยให้เป็นไปตามที่ต่างฝ่ายต่างต้องการ ไม่เพิ่มข้อเสนอเข้าไป อีกอย่างการที่ลิเวอร์พูลนำผู้เล่นเกมรุกเพิ่มเข้ามาใหม่ถึงสองรายแล้วก็คือ อัสปาส กับ หลุยส์ อัลแบร์โต้ ก็ทำให้ทีมพอจะมีตัวเลือกในแนวรุก และไม่ติดปัญหาในเรื่องกองกลางตัวรุกเท่าไหร่ หลังจากนี้จึงยังพอมีเวลาที่จะเตรียมเสริมนักเตะในตำแหน่งแนวรุก แบบใจเย็นๆ และคุ้มค่าได้อีกสัก 1-2 ตัว โดยไม่มีความจำเป็นต้องทุ่มเงินมากมายขนาดนั้นเพื่อนำเอ็มคิตาร์ยานเข้ามาเหมือนที่ดอร์ทมุนด์ นั่นเพราะต้องการนำเข้ามาแทนที่มาริโอ เกิร์ทเซ่ ที่ย้ายไปอยู่กับเสือใต้ บาร์เยิร์น มิวนิค

879
       หลังจากที่เป๊ป กวาดิโอล่าวางมือจากการทำทีมบาร์เซโลน่า ก็ราวการดวลฝีมือระหว่างเป๊บ กับ มูริญโญ่อดีตกุนซือของรีล มาดริด ที่ปัจจุบันเป็นกุนซือเชลซี ได้จบสิ้นลงแล้ว แน่นอนเป็นเรื่องที่น่าเสียดายสำหรับคอบอลอย่างยิ่งถ้าการดวลฝีมือของสองยอดกุนซือที่น่าจะดีที่สุดในโลกจบลงแล้วตามนั้นจริง ทว่ากับสิ่งที่หลายคนคิดว่าได้จบลงแล้วนั้น ผมไม่คิดว่ามันจบลงแล้วจริงๆ แต่คิดไปว่ามันเป็นการหวนคืนการดวลฝีมือกันอีกครั้ง ภายหลังการหวนกลับมารับหน้าที่ตำแหน่งกุนซือของเป๊ป กวาดิโอล่าอีกครั้ง แม้ไม่ใช่ทีมบาร์เซโลน่าทีมเดิมที่เคยคุมทีม แม้ไม่ใช่ลีกลาลีกาของสเปนดังเดิม

       กระนั้นก็เป็นหนึ่งสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสุดในวงการฟุตบอลของโลกใบนี้เช่นกัน “บาร์เยิร์น มิวนิค” จริงที่การอยู่คุมทีมในลีกที่ต่างประเทศกัน เป๊บ อยู่ เยอรมัน มูริญโญ่อยู่อังกฤษการดวลฝีมือกันอาจเป็นเรื่องไรสาระสิ้นดี แต่ถ้าไปมองกันที่เป้าหมายของทั้งสองทีม เราจะพบว่าการดวลฝีมือกันของทั้งคู่ มีให้เราได้เห็น และเกิดขึ้นจริงแน่ บาร์เยิร์น มิวนิค ต้องการที่จะประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในรายการฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่อย่างยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก เช่นเดียวกับสิ่งที่สิงห์บูล เชลซีต้องการ พวกเขาต้องการคว้าแชมป์รายการนี้ ฉะนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าการติดตามผลงานของมูริญโญ่ กับ เป๊ปกวาดิโอล่า ในการนำทีมเชลซี และบาร์เยิร์น มิวนิค โชว์ผลงานในรายการนี้จะสนุกสุดมันส์แค่ไหน

       อาจจะเป็นทีมใดทีมนึงที่ทำผลงานได้ดี ถึงขนาดทะลุเข้ารอบลึก หรืออาจเป็นทั้งสองทีมเลยก็ได้ที่มาเผชิญหน้ากันในรอบลึก หรือถ้าเป็นไปได้ยิ่งกว่านั้น ทั้งสองทีมได้ฝ่าฟันจนกลายมาเป็นคู่ชิงชนะเลิศในรายการนี้ คงจะเป็นอะไรที่น่าติดตามไม่น้อย แต่ส่วนผลงานหลักๆในลีก ถึงไม่ใช่การดวลฝีมือโดยตรงก็ยังน่าติดตามว่าทันทีที่ทำทีมใหม่ฤดูกาลแรก ระหว่างเป๊ป กับมูริญโญ่ใครจะทำได้ดีกว่าหรือใครจะคว้าแชมป์ได้ และใครจะเป็นฝ่ายพลาดแชมป์

880
       เมื่อครั้งที่เฟร์นานโด ตอเรส หัวหอกชาวสเปนย้ายออกจากทีมลิเวอร์พูล เดอะ ค็อปคงจำกันได้ดีไม่ลืมเลือน เพราะความรู้สึกดูแล้วค่อนข้างจะไม่สู้ดีนัก เหมือนกับว่าตอเรสย้ายทิ้งทีมไป ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ว่าตรงๆคือตอเรสย้ายหนีทีมไป เพื่อหวังที่จะไปมีอนาคตที่ดีกว่าในเส้นทางการค้าแข้งกับทีมใหม่ สิงห์บูล เชลซี และความจริงก็เหมือนจะเป็นเช่นนั้น เมื่อย้ายไปเพียงฤดูกาลแรก ตอเรสก็ได้ร่วมเล่นฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก ตามที่เจ้าตัวใฝ่ฝันอยากจะกลับไปเล่นในรายการนี้ ทั้งยังคว้าแชมป์ได้ทันทีอีกด้วย

       แต่เอาเข้าจริงแล้ว ตอเรสกับความสำเร็จที่เชลซี กลับเป็นเพียงความสำเร็จที่ไม่น่าภาคภูมิใจ เพราะเขาไม่ได้เป็นส่วนสำคัญในการสร้างสรรค์ผลงานให้เชลซี ทั้งยังมีปัญหาเรื่องฟอร์มการเล่นส่วนตัวที่ต่างกันอย่างมากกับสมัยที่เล่นให้ลิเวอร์พูล แต่ถึงกระนั้น ค่าตัวที่เชลซีจ่ายให้กับลิเวอร์พูลก็มากถึง 50 ล้านปอนด์ และตอนนี้นักเตะอีกหนึ่งรายที่มีอนาคตที่ระส่ำระส่ายในแอนฟิลด์ แลดูเหมือนกำลังจะตามรอยการเดินของเฟร์นานโด ตอเรส ก็คือในรายของ หลุยส์ ซัวเรซ ที่ดูตอนแรกก็ไม่เข้าข่ายการย้ายทีมแบบตอเรสสักเท่าใด โดยเหตุผลของความอึดอัดแล้วอยากย้ายทีมเป็นเพราะเจ้าตัวทนความอึดอัดจากการถูกสื่อในอังกฤษโจมตีไม่ไหว ทว่าทำไปทำมากลายเป็นว่าเหตุผลที่แท้จริงคืออยู่กับลิเวอร์พูลแล้วห่างไกลความสำเร็จ ไม่ได้เล่นถ้วยยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก

       สโมสรอย่างเชลซี อาร์เซน่อล ซึ่งเป็นสโมสรร่วมลีกกับลิเวอร์พูล จึงเตรียมสู่ขอเจ้าตัวไปร่วมทีม และถ้าหากว่าผลลงเอยด้วยการที่ซัวเรซย้ายไปร่วมก๊วนเชลซี นี่จะกลายเป็นการเดินตามรอย ตอเรสที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด ทีนี้ก็น่าสนใจแล้วว่า ฟอร์มการเล่นของซัวเรซจะเป็นอย่างไรภายใต้สีเสื้อสิงห์บูล จะฟอร์มฝืดเหมือนอย่างตอเรส หรือยังคงยิงประตูได้ถล่มทลายเหมือนอยู่แอนฟิลด์ เชื่อว่าเวลานี้ก็คงไม่มีใครกล้าการันตี

881
ข่าวฟุตบอล / ซัวเรซ 40 ล้าน!
« on: July 17, 2013, 05:25:24 PM »
       หลังจากมีความคลุมเครือมาเรื่อยๆเกี่ยวกับอนาคตการย้ายทีมของศูนย์หน้าทีมชาติอุรุกวัย หลุยส์ ซัวเรซ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้พอทราบข่าวกันว่าตัวนักเตะไม่แฮปปี้กับการอยู่เล่นให้ลิเวอร์พูลต่อไป และต้องการจะย้ายไปร่วมเล่นกับทีมที่ได้ไปเล่นถ้วย ucl แต่ทางด้านสโมสรซึ่งยังคงมีสัญญาผูกพันกับ หลุยส์ ซัวเรซ ไปถึงปี 2016 ไม่ต้องการจะขายนักเตะออกจากทีม ทว่าถึงเวลานี้ ลิเวอร์พูลประกาศชัดเจนตามที่สื่อต่างๆได้รายงานว่า จะขายซัวเรซออกจากทีมหากว่ามีข้อเสนอเป็นเงินจำนวน 40 ล้านปอนด์ คือบอกกันตรงๆเลยว่าถ้าจะยื่นข้อเสนอเข้ามาต่ำกว่านี้

       ก็อย่าหวังว่าลิเวอร์พูลจะพิจารณา ส่วนถ้ามองกันว่าจะมีทีมไหนยอมทุ่มถึงขนาดนั้นหรือเปล่า ผมว่ามีแน่นอน สำหรับค่าตัวของซัวเรซแล้ว 50 ล้านปอนด์ ยังน่าจะได้ด้วยซ้ำ แต่ติดอยู่อย่างนึงคือทีมที่มีกำลังซื้อ และพร้อมทุ่มเงินราว 40 ล้านปอนด์นั้นในเวลานี้เป็นทีมที่คาดแคลนกองหน้าหรือไม่ หากไม่เวลานี้ไม่ขาดแคลนกองหน้าคงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปทำการทุ่มเงินจำนวนมากขนาดนั้นเพื่อซื้อซัวเรซไปร่วมทีม อย่างทีมรีล มาดริด ที่มีข่าว ผมมองว่าจริงๆมาดริดเป็นทีมที่ใกล้เคียงกับการคว้าตัวซัวเรวไปร่วมทีมมากๆ แต่ดูกันที่ความจำเป็น มาดริดไม่มีความจำเป็นเลยที่ต้องทำแบบนั้น อย่างไรก็ตามในหากดีลการซื้อขายซัวเรซจะเกิดขึ้นระหว่าง มาดริดกับลิเวอร์พูลจริงหรือไม่จริง ก็คงขึ้นอยู่กับ ตัวผู้จัดการทีมคนใหม่ของมาดริดด้วย เพราะตอนนี้ไม่ใช่มูริญโญ่แล้วที่คุมทีมมาดริด

       ส่วนทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ที่ได้เคยทำการยื่นข้อเสนอเข้าไปหาลิเวอร์พูลแล้ว และก็ถูกปฏิเสธไปด้วยจำนวนเงิน 30 ล้านปอนด์นั้น หากเดาๆดูว่าพวกเขาจะกล้าทุ่มมากถึง 40 ล้านปอนด์ ผมว่า ไม่ เพราะผิดวิสัยการทำทีมในแบบฉบับอาร์เซน่อล ฉะนั้นจึงมีอีกเพียงทีมเดียวที่ในอังกฤษที่น่าสนใจว่าจะได้ตัวซัวเรซไปร่วมไหม ก็คือ สิงห์บูล เชลซี ภายใต้การนำทีมโดยผู้จัดการทีมคนใหม่ โจเซ่ มูริญโญ่ โดยเรื่องค่าตัวจำนวน 40 ล้านปอนด์สำหรับเชลซีแล้ว แน่นอนพวกเขาสามารถจ่ายได้สบายๆ เหมือนครั้งที่เคยจ่ายค่าตัวตอเรสมาแล้วมากถึง 50 ล้านปอนด์


882
       เอ่ยถึงชื่อ ดาบิด บีย่า กองหน้าชาวสเปน น้อยคนนักที่ดูฟุตบอลแล้วจะไม่รู้จักกองหน้ารายนี้ บีย่าจัดเป็นนักเตะกองหน้าหนึ่งคนที่น่าจะควรอยู่ในกลุ่มนักเตะที่มีพรสวรรค์สูง ฝีเท้าการยิงประตูจัดจ้าน โดยเส้นทางการเล่นฟุตบอลของบีย่าที่ถือเป็นเส้นทางอันสำคัญนั้นเริ่มตั้งแต่การเล่นให้กับบาเลนเซีย ที่นับเป็นจุดพีคของการค้าแข้ง มีสถิติการยิงประตูที่สวยหรู จากจำนวนนัดในการลงสนาม 166 นัด ยิงไปทั้งหมด 107 ประตู ซึ่งน้อยนักที่จะมีกองหน้ารายไหนทำได้แบบนี้

       ต่อด้วยการย้ายมาอยู่กับทีมท็อปของสเปน “บาร์เซโลน่า” สำหรับเส้นทางการค้าแข้งในบาร์เซโลน่าจะเรียกว่าเป็นจุดที่ไม่เหมาะสมกับบีย่าก็ว่าได้ เพราะโอกาสในการลงสนามไม่ต่อเนื่องเหมือนตอนเล่นให้บาเลนเซีย รูปแบบการเล่นของบาร์ซ่าก็ไม่เหมือนกับการเล่นของบาเลนเซีย หลายๆนัดที่บีย่าได้ลงสนามให้บาร์เซโลน่าก็ได้ลงมาในฐานะตัวสำรองเท่านั้น นับจากบาร์ซ่าแล้วอนาคตต่อไปของบีย่าที่ปลายทางน่าจะเป็น แอตฯมาดริด หากตามข่าวที่สื่อต่างๆพากันประโคมออกมาเป็นจริงนะ ที่ว่ากันว่า แอตฯ มาดริด กับบาร์ซ่าตกลงเงื่อนไขการย้ายทีมของบีย่าเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น จะน่าคิดว่า แอตฯมาดริดสำหรับบีย่าจะเหมือน บาเลนเซีย หรือเหมือนกับบาร์ซ่า หากเหมือนกับบาร์ซ่าก็น่าเสียดายครับ

       ทว่าหากเหมือนบาเลนเซีย นี่อาจเป็นฉากจบที่งดงามในช่วงชีวิตการค้าแข้งของผู้ชายที่ชื่อ ดาบิด บีย่า ซึ่งคอบอลหลายท่านที่ได้ติดตามผลงานของบีย่าก็คงอยากจะให้มันเป็นเช่นนั้นื เช่นเดียวกับที่ผมรู้สึกในเวลานี้ เพราะมันจะน่าเสียดายมากๆ ถ้าช่วงที่ชีวิตอันค้าแข้งของนักเตะที่เคยถูกเรียกว่าเป็นกองหน้าลำดับต้นๆของโลก ต้องมาปิดฉากแบบทุลักทุเล ไม่ค่อยได้รับโอกาสให้ลงสนาม ถูกดองเป็นตัวสำรองจนต้องตัดใจแขวนสตั๊ดไป อะไรราวๆนั้น

883
       ยังไม่จบลงง่ายๆครับสำหรับเส้นทางการย้ายทีมของรูนี่ย์ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะลงเอยที่ใด หรือจะได้อยู่แมนฯยูไนเต็ดต่อไป ทางด้านกุนซือ แมนฯยูไนเต็ด เดวิด มอยส์ ก็ได้ทำการประกาศชัดเจนว่ารูนี่ย์คือนักเตะที่ตนเองต้องการเก็บไว้กับทีมต่อไป และจะไม่รับข้อเสนอซื้อตัวจากทีมใด แต่ทว่าทางฝั่งของเวนย์ รูนี่ย์ ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าคิดอย่างไร เพราะล่าสุดก็ยังคงเข้าแคมป์ฝึกซ้อมร่วมกับเพื่อนๆในทีมทัพผีแดงตามปกติ คือดูแล้วก็เหมือนว่าอาจจะได้อยู่ร่วมถิ่นกับทีมผีแดงต่อไปสักระยะ อาจหมายถึง 1 ฤดูกาล หรือ ครึ่งฤดูกาลต่อจากนี้

       แต่ถ้าถามว่าจะอยู่ยาวๆไปจนเป็นตำนานของผีแดงเหมือนอย่าง ไรอัน กิ๊กส์ พอล สโคลล์ เลยหรือเปล่า ผมรู้สึกว่าจะไม่เป็นอย่างนั้น อย่างไรก็ตามโอกาสย้ายทีมนั้นมีแน่ๆ จะไปย้ายในช่วงเวลาไหนเท่านั้นเอง  ส่วนทีมที่ตอนนี้เข้ามามีเปอร์เซ็นต์ในการแย่งตัวรูนี่ย์ไปร่วมทัพมากเลยทีเดียวก็คือ ทีมสิงห์บูล เชลซี ที่ประกาศว่าพร้อมทุ่มเงินค่าเหนื่อยก้อนโตให้กับเวนย์ รูนี่ย์ โดนเป็นเงินจำนวนมากถึง 60 ล้านปอนด์ แบ่งเป็นสัปดาห์ละ 240,000 ปอนด์ตลอดระยะเวลา 5 ปี ที่สิงห์บูลพร้อมยื่นเป็นเงื่อนไขในการเซ็นต์สัญญา ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทางด้านเวนย์ รูนี่ย์ ได้ทราบข้อเสนอนี้แล้วจะว่ายังไง จะถึงขั้นขอขึ้นบัญชีย้ายทีมเลยหรือเปล่า เพราะอนาคตของเขาในโอลแทรฟฟอร์ดก็ระส่ำระส่ายมานานแล้ว หากเป็นอะไรที่ประจวบเหมาะแบบนี้

       เป็นไปได้ว่าจะลงเอยแบบในรายของตอเรส จากลิเวอร์พูลที่สุดท้ายก็ได้ย้ายไปร่วมก๊วนสิงห์บูล แต่ก็นั่นแหละตอเรสก็คือ ตอเรส ไม่ใช่รูนี่ย์ และรูนี่ย์ก็คือรูนี่ย์ไม่ใช่ตอเรส ไม่อาจเปรียบเทียบว่ากรณีการย้ายทีมจะเหมือนกัน ทั้งนี้รูนี่ย์เองก็เคยมีปัญหาเรื่องการย้ายทีมกับแมนฯยูไนเต็ดมาแล้วหนนึง แล้วสุดท้ายก็ลงเอยด้วยการอยู่ต่อมาจนถึงวันนี้ ฉะนั้นถ้ามันจะลงเอยด้วยบทสรุปแบบเดิมก็คงไม่แปลกอะไร และกองเชียร์ผีแดงหลายล้านคนทั่วโลกก็คงหวังให้มันลงเอยแบบนั้น

884

       หลังจากที่ทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูลได้มีการเสริมทัพด้วยผู้เล่นใหม่ๆรายแล้วไปแล้ว ก็ถึงคิวที่ต้องทำการระบายนักเตะเดิมๆออกจากทีมไปบ้าง ล่าสุดเป็นทางด้านของซูโซ่ดาวรุ่งชาวสเปนซึ่งตอนนี้น่าจะเตรียมเก็บข้าวของย้ายซบทีมอัลเมเรีย ทีมน้องใหม่ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นลีกสูงสุดของสเปน โดยคาดว่าจะเป็นการย้ายแบบยืมตัว เพราะซูโซ่ยังมีสัญญาระยะยาวอยู่กับหงส์แดง และสไตลนักเตะแบบซูโซ่ก็เป็นสไตล์ในแบบที่ร็อดเจอร์สต้องการ เพียงแต่เรื่องของประสบการณ์ซูโซ่ยังมีไม่มากพอสำหรับเผชิญกับเกมใหญ่ๆในพรีเมียร์ลีก

       ส่วนถ้ามองถึงความเป็นไปได้ในการย้ายทีมแบบถาวร หากว่าซูโซ่ย้ายไปอยู่อัลเมเรียแบยืมตัวจริง ก็มีความเป็นไปได้ที่อนาคตลิเวอร์พูลอาจขายขาด ถ้าตัวผู้เล่นในทีมใหม่ๆสามารถโชว์ฟอร์มได้ดี และทำให้ทีมลงตัวแบบที่ร็อดเจอร์สคาดหวังไว้ เรียกว่าอาจขายเพราะซูโซ่กลายเป็นส่วนเกินนั้นแหละครับ แต่กระนั้นถึงยังไงผมยังมอว่าอนาคตซูโซ่จะกลับมาอยู่หงส์แดงต่อน่าจะมีมากกว่าถูกปล่อยตัวไปแบบถาวร อย่างไรก็ตามในส่วนของนักเตะรายอื่นๆ นอกจากซูโซ่ที่เตรียมจะไปอยู่กับอัลเมเรีย ก็คงมีอีกหลายรายที่หงส์แดงเตรียมปล่อยออกจากทีมทั้งในแบบปล่อยย้ายถาวร กับปล่อยแบบยืมตัว เพราะในทีมหงส์แดงยังมีดาวรุ่งอีกมากที่น่าจะไม่ค่อยมีโอกาสลงสนามในฤดูกาลใหม่ ภายหลังการมาของนักเตะใหม่ๆที่ร็อดเจอร์สเลือกซื้อเข้ามา

       แต่ส่วนถ้ามองกันว่า การเสริมทีมของหงส์แดงเป็นอย่างไรในฤดูกาลใหม่นี้ คิดว่ายังไม่ดีพอกับเป้าหมายที่หงส์แดงตั้งเอาไว้คือ ตำแหน่งท็อปโฟร์นะ แม้ว่าตัวผู้เล่นจะดูมีคุณภาพกว่านักเตะดาวรุ่งเดิมๆที่ทยอยปล่อยออกจากทีมไป ทว่าเมื่อมองไปที่การเสริมทัพของทีมท็อปๆทีมอื่นของพรีเมียร์ลีก ทั้งที่เสริมเข้ามาแล้ว และน่าจะเสริมเข้ามา เกรดนักเตะที่ลิเวอร์พูลนำเข้ามาใหม่ยังเป็นรองอยู่เยอะ คืออาจจะมีลุ้นในตำแหน่งที่ 4-5 ของตารางคะแนนแบบปลายๆ คือเรียกว่าพอมีลุ้นแต่ยากหน่อย ถ้าจะเอาลุ้นท็อปโฟร์แบบชิวๆตัวผู้เล่นที่เข้ามาใหม่ควรจะมีชื่อชั้นที่ดีกว่านี้

885
      อาจจะยังดูไม่มีอะไรแตกต่างจากเดิม สำหรับโฉมหน้าของทีมเรือใบสีฟ้า แมนฯซิตี้ ภายหลังการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีม เพราะฤดูกาลยังไม่เปิด การแข่งขันยังไม่เริ่มต้น ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเปเยกรินี่ หรือ มันชินี่ เราก็ยังไม่อาจวัดอะไรๆได้ แต่ถ้าเอาสิ่งที่น่าจะเป็นจริงๆ ก็คงต่างกันชัดเจน ดูกันตั้งแต่ตัวผู้เล่นในทีม หลายคนที่อยู่ในยุคของมันชินี่ตอนนี้ก็โดนเปลี่ยนถ่าย โละออกจาทีมไปหลายรายแล้ว ตัวผู้เล่นที่เสริมเข้ามาใหม่ แม้จะเป็นผู้เล่นบิ๊กเนมเหมือนสมัยมันชินี่ แต่ผมเชื่อว่าแต่ละคนก็เป็นคนนักเตะในสไตล์มรเปเยกรินี่ต้องการ

       ในส่วนของรูปแบบการเล่น เรือใบสีฟ้า แมนฯซิตี้ ในยุคของการทำทีมโดย มันชินี่ สไตล์การเล่นก็อย่างที่เราเห็นว่าเป็นทีมที่สุดยอด เล่นเกมบุกได้น่ากลัว เพียงแต่จังหวะการปิดสกอร์หลายๆครั้งยังไม่เฉียบคมพอ ในฤดูกาลที่ผ่านมาจึงมีสถติการยิงประตูที่ไม่ดีพอ และนั่นทำให้ทีมเรือใบพลาดในหลายแต้มสำคัญ จากที่จะเก็บชัยชนะคว้าสามคะแนนได้ ก็กลายเป็นเพียงผลเสมอและได้ 1 คะแนนเท่านั้น จึงเป็นทางด้านแมนฯยูไนเต็ดที่ซิวแชมป์ไปครอง ฉะนั้นถ้ามองว่าในยุคของเปเยกรินี่จะเปลี่ยนไปอย่างไรสำหรับสไตล์ หรือรูปแบบการเล่นถ้าเทียบจากเดิม ผมคิดว่าการเน้นเกมบุกยังคงเดิม แต่จะเป็นการบุกในรูปแบบไหน อาจแตกต่างกันตามสไตล์ที่ต่างกันของเปเยกรินี่ และมันชินี่

       แตกต่างด้วยตัวผู้เล่นด้วย อย่างการนำเฆซุส นาบาสเข้ามาก็ทำให้เกมรุกของเรือใบเปลี่ยนไปจากเดิมแน่นอน และถ้าถามถึงปัญหาการจบสกอร์ว่า เปเยกรินี่ จะแก้ไขได้ไหม ผมก็คิดว่าแก้ไขได้ แต่อยู่ที่ว่าจะแก้ไขได้ทันทีแบบหน้ามือ หลังมือเลยหรือเปล่า อันนี้ยังไม่แน่ใจ และถ้าหากว่าแก้ไขไม่ได้ ไม่สามารถพาให้ทีมเรือใบจบสกอร์ได้ดีกว่าเดิม รับรองฤดูกาลเดียวก็มากเกินพอสำหรับการคุมทีมเรือใบสีฟ้า เพราะดูแล้วเจ้าของทีมเรือใบสีฟ้า คงไม่ได้ใจเย็นกับการรอความสำเร็จของทีมในแบบที่ต้องการสักเท่าไหร่

Pages: 1 ... 57 58 [59] 60 61