Recent Posts

Pages: 1 ... 8 9 [10]
91

       แม้ว่าในเกมแมทแรกจะสามารถโชว์ฟอร์มได้ชนิดที่ต้องบอกว่าทำเอาแฟนบอลเมียนมาร์ และแฟนบอลในอาเซียนของเรามีความหวัง แต่ทว่าล่าสุดในเกมนัดที่สองของศึก ฟุตบอลโลก รุ่นอายุ 20 ปีก็ต้องยอมรับกันตามตรงว่ามาตรฐานของทีมจากอาเซียนเราอย่างเมียนมาร์นั้นยังห่างชั้นกับทีมระดับยุโรปอยู่พอสมควร เมื่อเป็นฝ่ายโดนยูเครนไล่ถล่มไปแบบสนุก 6-0 ส่อแววร่วงตกรอบแรกเต็มแก่

       ทั้งนี้ เกมฟุตบอลโลก ยู 20 แมทแรกเมียนมาร์สร้างเซอร์ไพร์สด้วยการโชว์ผลงานได้ยอดเยี่ยมโดยเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับสหรัฐอเมริกาไปแบบหวุดหวิด 2-1

       อย่างไรก็ตามในเกมนัดที่สองพวกเขาต้องสนามพบกับทีมจากยุโรปอย่างยูเครน ซึ่งถ้าหากว่าสามารถเก็บแต้มได้ก็ยังมีโอกาสที่ดีในการลุ้นเข้ารอบต่อไป แต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อเป็นทางด้านของยูเครนที่ระเบิดฟอร์มดุไล่ยำใหญ่ทีมจากอาเซียนไป 6-0 โดยทีครึ่งเวลาแรกทั้งสองทีมเจ๊ากันแบบไม่มีสกอร์ ครึ่งหลังยูเครนได้หกประตูเรียงกันนาทีที่ 51 54 68 71 และ 77 หน่ำซ้ำนาทีที่ 74 ของเกมการแข่งขันผู้เล่นอย่างธิฮา เฮต อังยังมาโดนใบแดงไล่ออกสนาม ต้องเล่นเพียงแค่สิบคนจนกว่าจะครบเวลาอีกด้วย เรียกได้แพ้แบบหมดรูป หมอสภาพเลย

       แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ก็ใช่ว่าเมียนมาร์จะหมดโอกาสเข้ารอบแล้วซะทีเดียว เพราะหากพวกเขาสามารถเอาชนะทีมอย่างสวิตเซอร์แลนด์ เจ้าภาพในเกมนัดสุดท้ายได้ก็ยังพอมีลุ้นในการได้สิทธิ์เข้ารอบในฐานะทีมอันดับสามที่มีผลงานดีที่สุด เพียงแต่ถ้าจะให้วิเคราะห์กันตามความเป็นจริงแล้วก็ต้องบอกตรงๆว่ายากเหลือเกิน ด้วยมาตรฐานการเล่นที่ยังต่ำกว่าทีมจากยุโรปอย่างชัดเจน อีกทั้งสวิตเซอร์แลนด์ยังจะได้ลงเล่นในฐานะของทีมเจ้าภาพอีกด้วย

       ดังนั้นถ้าจะสรุปกับแบบลวกๆตอนนี้เลยก็คงสรุปได้ว่าเมียนมาร์น่าจะหยุดเส้นทาง เวิลด์คัพยู 20 หนนี้ของพวกเขาแต่เพียงเท่านี้
92

       งานนี้ทำเอาแฟนสิงห์บลู เชลซี ในไทยถึงกับซึมกันไปเลยทีเดียว เพราะจากที่ได้เฮจากการฉลองแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งพวกเขาสามารถซิวไปครองได้ตั้งแต่ยังไม่ทันจบฤดูกาล พร้อมๆกับการได้เฮคอนเฟิร์มการยกพลเยือนไทยในช่วงปรีซีซั่นซัมเมอร์อุ่นเครื่องกับทีมออลสตาร์ของไทย

       แต่ล่าสุดกลับเป็นว่าหนึ่งในแข้งระดับสตาร์ของทีมอย่าง เชส ฟาเบรกาส อาจจะชวดมาทริปนี้ด้วย เนื่องจากต้องขึ้นเขียงผ่าจมูกที่เจ้าตัวมีปัญหาบาดเจ็บ และต้องใส่หน้ากากมาหลายเกมแล้วในช่วงท้ายซีซั่นจนกลายเป็นเอกลักษณ์ที่แฟนบอลหลายคนจดจำเสียแล้ว

       ทั้งนี้อาการบาดเจ็บเจ็บดังกล่าวของ เชสก์ เกิดขึ้นในเกม เชลซี พบ สโต๊ค ซิตี้ ในจังหวะที่เจ้าตัวเข้าปะทะหนักกับ ชาลี อดัม มิดฟิลด์พันธุ์ดุของทีมช่างปั้นหม้อ

       อย่างไรก็ตาม บิเซนเต้ เดล บอสเก้ นายใหญ่ทีมชาติสเปนกล่าวถึงลูกทีมคนเก่งรายนี้ของเขาว่า เวลานี้ทีมชาติสเปนต้องรอการกลับมาของเชสก์หลังจากการเข้ารับการผ่าตัดจมูกแล้ว ซึ่งคาดว่านักเตะจะกลับมาในวันที่ 1 มิถุนายนนี้เพื่อรายงานตัวฝึกซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมรายอื่นๆ

       ส่วนนอกจากในรายของ เชสก์ แล้ว เดล บอสเก้ ก็ยังได้กล่าวไปถึงในรายของ เคร์ราร์ด ปีเก้ ซึ่งก็ได้รับบาดเจ็บอยู่เวลานี้เช่นกันอีกด้วยว่าน่าจะได้กลับมาทันรายงานตัวพร้อมกันกับเชสก์ในวันดังกล่าว

       สำหรับการประกาศรายชื่อของแข้งทีมชาติสเปนที่จะลงทำศึกยูโรรอบคัดเลือกพบกับ เบลารุส ในวันที่ 14 มิถุนายน ได้มีการประกาศออกมาแล้วปรากฏว่าบรรดาแข้งดาวดังต่างก็ติดทีมกันมาพร้อมหน้าพร้อมตาตามระเบียบ ดังเช่นที่แฟนบอลคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี จะมีที่หลุดโผไปบ้างก็ในรายของ ดีเอโก้ คอสต้า หัวหอกจากเชลซี โดยนักเตะที่มีชื่อก็มีอาทิเช่น อีเกร์ กาซิยาส, ดาบิด เด เกอา, ดาเนียล การ์บาฆาล, มาร์ก บาร์ตร้า, อิสโก้, ดาบิด ซิลบา, อัลบาโร โมราตา, เปโดร โรดริเกวซ, ปาโก อัลคาเซร์  เป็นต้น
93


       ถือได้ว่ายังมีความหนักแน่นในแนวทางการทำทีม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการยึดตัวผู้จัดการทีม และเชื่อมั่นในฝีมือการทำทีมของผู้จัดการทีมพอสมควรเลยทีเดียว สำหรับทางด้านของทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่ฟอร์มบู่แห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เพราะแม้ว่าช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาจะมีกระแสข่าวเกี่ยวกับการเด้งบีร็อดจ์ “เบรนแดน ร็อดเจอร์ส” นายใหญ่ชาวไอแลนด์เหนือลงจากตำแหน่ง หลังจากพาทีมทำผลงานในซีซั่นนี้ได้น่าผิดหวัง

       แต่สื่อในอังกฤษหลายเจ้าก็ได้พร้อมใจกันออกมาตีข่าวยืนยันแล้วว่า สถานการณ์จริงเวลานี้ของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ในทีมหงส์แดงนั้นยังไม่ได้ใกล้เคียงกับการที่เขาจะโดนเด้งลงจากตำแหน่งแต่อย่างใด โดยข้อมูลที่สื่อเจ้าต่างๆทราบมาเป็นไปทำนองเดียวกันว่าบอร์ดหงส์แดงมีแผนที่จะพิจารณาผลงานของทีมจริงในเดือนมิถุนายน ซึ่งอาจรวมถึงการประเมิณผลต่างๆเพื่อนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงแนวทางการพัฒนาทีม แต่นั่นไม่ได้หมายรวมถึงการเปลี่ยนแปลงตัวกุนซือแต่อย่างใด ว่ากันง่ายๆคืออาจจะเปลี่ยนแปลงนโยบายการเสริมทัพซื้อตัวผู้เล่น หรือนโยบายการขยายสัญญานักเตะ เป็นต้น

       สำหรับสื่อที่ตีข่าวนี้ยืนยันออกมานั้นมีทั้งสกาย สปอร์ต ดิ อินดิเพนเด้น เดอะ การ์เดี้ยน เดลี่ เอ็กเพรส ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสื่อดังที่เราคุ้นชื่อกันเป็นอย่างดี ฉะนั้นแล้วในแง่ของความน่าเชื่อถือ หรือความเป็นไปได้ที่จะเป็นเช่นนั้นจริงๆจึงต้องบอกว่ามีสูงทีเดียว

       ส่วนประเด็นอื่นที่น่าสนใจเกี่ยวกับ หงส์แดง เวลานี้ที่บางสื่อพยายามตีข่าวออกมาย้ำๆซ้ำๆก็ยังหนีไม่พ้นประเด็นการเสริมคมแดนหน้าว่าหงส์แดงยังล็อกเป้า คริสเตยอง เบนเทเก้ เป็นเป้าหมายหลักในการเสริมทัพของพวกเขา กล่าวกันเป็นภาษาบ้านๆได้ว่ายังไงซะหงส์แดงก็จะต้องดึงเอาเบนเทเก้มาอยู่ในทีมตัวเองให้ได้อย่างแน่นอนภายในซัมเมอร์นี้ (ประเด็นของแข้งรายอืนๆที่น่าสนใจเพิ่มเติมมีทางด้านของ เปโดร โรดริเกซ ของ บาร์เซโลน่า, เจมส์ มิลเนอร์ ของแมนฯซิตี้)
94

       เรียกได้ว่าชัดเจนว่าข่าวคราวเกี่ยวกับการย้ายทีมของทางด้าน เนมานย่า วิดิช ปราการหลังวัยเก๋าของทีมงูใหญ่ อินเตอร์ มิลาน ที่สื่อโหมออกมาก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่ข่าวลือเท่านั้น เพราะล่าสุดทางด้านของ ซิลวาโน่ มาติน่า นายหน้าคู่ใจของนักเตะได้ออกมากล่าวปฏิเสธเรียบร้อยแล้ว พร้อมกันนี้ก็ยังยืนยันหนักแน่นด้วยว่ายังไงซะนักเตะในความดูแลของตัวเองรายนี้จะยังคงค้าแข้งกับทีมดังแห่งเมืองมิลานแน่นอน

       ทั้งนี้ วิดิช ปราการหลังกัปตันทีมชาติเซอร์เบียย้ายจากปีศาจแดง แมนฯยูไนเต็ด แบบไม่มีค่าตัวหลังจากหมดสัญญามาอยู่กับทีม อินเตอร์ มิลาน โดยเซ็นสัญญาเป็นระยะเวลาสามปี แต่ระหว่างซีซั่นนี้กลับมีข่าวออกมาเรื่อยๆนักเตะไม่ได้แฮปปี้กับการเล่นให้งูใหญ่ดังที่หวังเอาไว้ และน่าจะเลือกย้ายออกจากทีมภายในตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์นี้

       อย่างไรก็ตาม มาติน่า กล่าวยืนยันหนักแน่นผ่านสื่ออย่างสปอร์ต อิตาเลียว่าอนาคตของวิดิชน่ะแน่นอนว่าอยู่ที่ต้นสังกัดต่อไป วิดิชทำผลงานได้ยอดเยี่ยมนะในช่วงสองเดือนหลัง จะว่าไปผมมองว่าเขาเป็นกองหลังเบอร์หนึ่งของทีมด้วยซ้ำไปนะ (ดังนั้นไม่มีเหตุผลที่เขาจะย้ายออกจากทีม) เขาเซ็นสัญญากับทีมตั้งสามปี แล้วนี่มันก็เพิ่งจะผ่านไปแค่ปีเดียวเอง แน่นอนผมมั่นใจว่าเขาไม่เปลี่ยนใจกะทันหันหรอก

       สำหรับเนมานย่า วิดิชนั้นนอกจากผลงานอันยอดเยี่ยมกับทีมอินเตอร์ มิลานในช่วงปลายอาชีพดังที่เอเย่นต์คู่ใจของนักเตะกล่าวแล้ว การเล่นให้กับแมนฯยูไนเต็ด ทีมดังแห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษในช่วงหลายปีก่อนหน้านี้ก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมมากๆสำหรับเขาเช่นกัน โดยเขาอยู่ในถิ่นโอลแทรฟฟอร์ดในฐานะของนักเตะกองหลังเบอร์หนึ่งของทีม และกัปตันทีม มีความสำคัญมากๆในแง่ของการนำทีมปีศาจแดงประสบความสำเร็จในปลายยุคของกุนซือ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แถมจะว่าไปการขาดเขาไปก็มีผลกระทบต่อเกมรับของทีมปีศาจแดงด้วยเช่นกัน
95

       ต้องบอกว่าทันยุคทันสมัยกันเลยทีเดียวสำหรับทีมเจ้าบุญทุ่ม บาร์เซโลน่า ยอดทีมแห่งแคว้นกาตาลัน ประเทศสเปน เพราะล่าสุดสื่อประจำแคว้น คาตาลัน อย่าง สปอร์ต ได้รายงานข่าวออกมาทำนองว่าหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้บาร์เซโลน่าสารถพลิกวิกฤติในซีซั่นนี้จนกลายมาเป็นทีมที่กำลังลุ้นทำทริปเปิ้ลแชมป์ อันประกอบไปด้วยแชมป์ลาลีกา สเปน, แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก, และแชมป์โกปาเดล เรย์ได้นั้นเป็นผลพวงมาจากโปรแกรมวอทแอป ซึ่งเป็นโปรแกรมแชทชื่อดังบนสังคมผู้ใช้สมาร์ทโฟนในปัจจุบัน

        ทั้งนี้สื่อเจ้าดังกล่าวรายงานว่าโปรแกรมวอทแอปเข้ามีบทบาทอย่างมากในการช่วย บาร์เซโลน่า แก้ไขปัญหาวิกฤติฟอร์มการเล่น และสปิริตในทีมเมื่อช่วงกลางซีซั่น หรือช่วงต้นปีนี้ เนื่องจากภายหลังจากความพ่ายแพ้ที่เหล่า อาซูกราน่า มีต่อ เรอัล โซเซียดาด และข่าวคราวความขัดแย้งระหว่าง เลโอ เมสซี่ กับกุนซือ หลุยส์ เอ็นริเก้ ออกมาทางด้านของ ชาบี เอร์นานเดซ นักเตะวัยเก๋า และกัปตันทีมได้ทำคิดริเริ่มการแก้ไขปัญหาให้กับทีมด้วยการอาศัยโปรแกรมวอทแอปดึงเพื่อนๆในทีมทั้งหมดเข้ามาพูดคุยกันผ่านการแชททางสมาร์ทโฟน โดยประโยคแรกที่ทางสปอร์ตอ้างว่าเป็นประโยคจุดประกายการแก้ปัญหาของนักเตะอาซูกราน่าผ่านวอทแอปก็คือประโยคจาก ชาบี เอร์นานเดซ ที่ว่าถ้าพวกเรายังคงเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเราจะไม่ได้แชมป์อะไรเลยแน่นอนในปีนี้ กับอีกหนึ่งประโยค ซึ่งทางสปอร์ตไม่ได้ระบุเจาะจงว่ามาจากนักเตะรายใดว่า “เราไม่สามารถที่จะจบมือเปล่าได้แล้วในซีซั่นนี้”

       สรุปสถานการณ์อันย่ำแย่ถึงขั้นวิกฤตจนก้าวผ่านมาสู่ความสำเร็จที่ใกล้จะเข้ามาถึงในทุกขณะของอาซูกราน่า บาร์เซโลน่าในซีซั่นนี้ได้ว่าพวกเขาสามารถอาศัยเทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ในการอำนวยความสะดวกสำหรับการเปิดอกพูดคุยระหว่างเพื่อนร่วมทีม และเรียกสปิริตทีม เรียกกำลังใจทีมกลับมาได้อย่างน่าชื่นชมเลย
96

      เป็นเรื่องซะแล้วงานนี้ สำหรับทีมราชันชุดขาว เรอัล มาดริด ยอดทีมแห่งศึก ลาลีกา สเปน เพราะจู่ๆก็มีอดีตตำนานนักเตะของพวกเขาเองอย่าง อกุสติน โรดริเกวซ ออกมากล่าวผ่านสื่อในทำนองแสดงความมั่นอก มั่นใจว่าสองแข้งสำคัญของทีมเรอัล มาดริด ซึ่งประกอบไปด้วย อีเกร์ กาซิยาส ผู้รักษาประตู และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวเตะแนวรุกซุปตาร์เบอร์หนึ่งของทีมจะย้ายออกจากทีมในอนาคตอันใกล้นี้ หรือในตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์นี้อย่างแน่นอน

       โดย โรดริเกวซ กล่าวว่าผมรู้ว่า กาซิยาส กำลังจะย้ายออกจากทีม เช่นกันกับในรายของ โรนัลโด้ มันเป็นเรื่องที่ผมมั่นใจมากทีเดียว แล้วในวันพุธหน้าข่าวนี้จะออกมา เรามาคอยดูกัน ทั้งนี้ช่วงที่ผ่านตลอดซีซั่นนี้กาซิยาสมีข่าวลุ่มๆ ดอนๆเกี่ยวกับอนาคตของตัวเองเรื่อยอยู่แล้ว เนื่องจากในช่วง 2-3 ซีซั่นหลังเจ้าตัวไม่ได้เป็นมือหนึ่งให้กับทีมเหมือนอย่างที่เคยเป็นมาตลอดอาชีพค้าแข้ง หน่ำซ้ำยังโดนแฟนบอลของทีมตัวเองโห่ใส่อีกด้วย

       ส่วนคริสเตียโน่ โรนัลโด้นั้นมามีปัญหาในช่วงท้ายซีซั่น โดยนักเตะโดนแฟนบอลทีมตัวเองโห่ใส่เช่นเดียวกับในรายของกาซิยาส และยังมีประเด็นการจัดงานฉลองวันเกิดของตัวเขาเองหลังเกมพ่ายแพ้ต่อแอตฯมาดริดเละเทะเมื่อราว 1-2 เดือนก่อนที่สร้างความไม่พอใจให้กับแฟนบอลบางกลุ่มอีกด้วย ล่าสุดก็ยังมามีปัญหากับสื่อท้องถิ่น ถึงขนาดเจ้าตัวปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ใดๆต่อสื่อยันจบซีซั่นเลยทีเดียว

        ด้วยเหตุเหล่านี้เองทั้งกาซิยาส และโรนัลโด้จึงถูกโรดริเกวซวิเคราะห์สถานการณ์ว่านาจะได้ย้ายออกจากถิ่นซานติอาโก เบร์นาบิวแน่นอน

        อย่างไรก็ตามหากเป็นเช่นนั้นจริงก็นับว่าน่าสนใจมากเลยว่าปลายทางการค้าแข้งต่อไปของนักเตะจะเป็นที่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรายของ โรนัลโด้ เพราะก็อย่างที่ทราบๆกันดีว่าในยุคนี้โรนัลโด้คือหนึ่งในซุปตาร์เบอร์หนึ่งของโลกลูกหนัง
97

       ทำเอากองหน้ารายหลายอายกันไปเลยทีเดียวครับงานนี้ สำหรับทางด้านของ จอห์น เทอร์รี่ กองหลังกัปตันทีมวัยเก๋าของทีมสิงห์บลู เชลซี เพราะล่าสุดสถิติบ่งชี้ชัดเจนว่าเจ้าตัวสามารถพังประตูให้กับต้นสังกัดได้เรื่อยๆกระทั่งทำลายสถิติกองหลังที่พังประตูใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มากที่สุดตลอดกาลเข้าไปแล้ว โดยประตูล่าสุดที่เทอร์รี่ทำได้ และกลายเป็นประตูทำลายสถิติเกิดขึ้นในเกมบุกเสมอหงส์แดง ลิเวอร์พูล 1-1 ในเกมแมทที่ 36 ของฤดูกาล

       และนับเป็นประตูที่ 39 ของเทอร์รี่ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แซงหน้าสถิติเดิมของเดวิด อันสเวิร์ธ กองหลังของตำนานของทีมทอฟฟี่สีน้ำเงิน เอฟเวอร์ตันที่ทำไว้ 38 ประตูไปแล้ว 1 ประตู ทั้งยังมีโอกาสทำเพิ่มได้อีกหลายประตูด้วยหากว่าเจ้าตัวยังคงค้าแข้งให้กับสิงห์บลูต่อไปในซีซั่นหน้า อย่างไรก็ตามนอกจากเรื่องของสถิติการพังประตูแล้ว จอห์น เทอร์รี่ในบทบาทกองหลังของทีมสิงห์บลูตลอดอายุการค้าแข้งอันยาวนานหลายปีที่ผ่านมา เจ้าตัวยังสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับทีมมาแล้วมากมายด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเล่นเกมรับที่เหนียวแน่น การเป็นผู้นำของทีม ความเป็นนักสู้ที่นำลูกทีมต่อสู้เพื่อชัยชนะครั้งสำคัญหลายๆครั้งของสิงห์บลู และแน่นอนกับการเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษีซั่นนี้ก็เป็นผลมาจากความทุ่มเทของเขาด้วยเช่นกัน ฉะนั้นถึงตอนนี้จึงแทบไม่มีอะไรปฏิเสธได้แล้วว่าเจทีคือหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดตลอดกาลของเชลซี และของพรีเมียร์ลีก อังกฤษไปแล้ว

       ส่วนเรื่องของสถิติการพังประตูของกองหลังในพรีเมียร์ลีก อังกฤษนอกจากสถิติสูงสุดของเจที และอันดับสอง ซึ่งก็คือเดวิด อันสเวิร์ธของเอฟเวอร์ตันตามที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้วก็มีอันดับสามเอียน ฮาร์ตของลีดส์ ยูไนเต็ด และเร้ดดิ้ง 28 ประตู อันดับสี่ เลตัน เบนส์ของเอฟเวอร์ตัน 26 ประตู อันดับห้า วิลเลี่ยม กัลลาสของเชลซี และอาร์เซน่อล 25 และอันดับหก จูเลียด ดิกซ์ของเวสต์แฮม ยูไนเต็ด 24 ประตู

98

       กลายเป็นประเด็นบนหน้าข่าวต่อเนื่องเรื่อยๆเลยทีเดียวช่วงนี้ สำหรับทางด้านของ เธียร์รี อองรี อดีตดาวยิงระดับพระกาฬของทีมปืนโต อาร์เซน่อล เพราะล่าสุดหลังจากเพิ่งจบประเด็นการวิจารณ์ ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซชิชาริโต้” หัวหอกของ เรอัล มาดริด เกี่ยวกับกรณีการแสดงความดีใจ ล่าสุดก็เป็นประเด็นการแสดงความเห็นต่อกรณีของ เชสก์ ฟาเบรกาส อดีตมิดฟิลด์ของอาร์เซน่อลที่เวลานี้เล่นอยู่กับทีมสิงห์บลู เชลซี กับ เมซุต โอซิล มิดฟิลด์คนปัจจุบันของปืนโต

       ทั้งนี้เป็นที่ทราบกันดีว่า เชสก์ ฟาเบรกาส นั้นถือเป็นนักเตะขวัญใจแฟนบอลปืนโตลำดับต้นๆเลยทีเดียว เมื่อสมัยที่นักเตะยังคงค้าแข้งอยู่กับทีม และแม้แต่ช่วงที่นักเตะย้ายไปเล่นให้กับบาร์เซโลน่าในลาลีกา สเปนก็ตาม นักเตะก็ยังคงได้รับการติดตามผลงานจากสาวกกูนเนอร์สเรื่อยๆ แต่ทว่าหลังจากที่นักเตะเลือกตัดสินใจย้ายกลับมาอังกฤษด้วยการซบอกทีมสิงห์บลู เชลซี คู่ปรับประจำกรุงลอนดอนก็ทำให้สถานการณ์ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ว่ากันง่ายๆคือทางแฟนบอลอาร์เซน่อลส่วนใหญ่โกรธเคืองกับการตัดสินใจครั้งนี้ของเชสก์นั่นเอง

       อย่างไรก็ตามอองรีแสดงความเห็นเปรียบเทียบอดีตมิดฟิลด์ตัวเก่งของทีมปืนโต กับมิดฟิลด์ซุปตาร์คนปัจจุบันของทีมว่า ถ้าเป็นตน ตนต้องการที่จะดึงเอาเชสก์กลับมาอาร์เซน่อลนะ ตนคิดว่าเชสก์ดูดีกว่าเมื่อเล่นอยู่หลังกองหน้าของอาร์เซน่อล สำหรับโอซิลแล้วยังไม่ดีเพียงพอ

       จากเหตุดังกล่าวนี่เองแฟนบอลอาร์เซน่อลจำนวนมากได้ออกมาโพสต์โจมตีอดีตหัวหอกทีมชาติฝรั่งเศสรายนี้ อาทิเช่นความเห็นที่ว่าอองรีจะดึงเชสก์กลับมาหรอ? เรารักนายนะเธียร์รี แต่นายอย่าคิดว่าจะได้มาเป็นกุนซือของทีมเลย อองรีดูเหมือนนายจะตายไปจากใจผมแล้วนะ แต่ก็ช่างเหอะ ยังไงซะผมก็ชื่นชอบนักเตะอย่างเบิร์กแคมป์มากกว่านายอยู่แล้ว

99

       งานนี้ต้องบอกว่าชัดเจนว่าบรรดาสื่อพากันลือไปเองแล้วล่ะครับ สำหรับกรณีข่าวเชื่อมโยงระหว่าง ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือสิงห์บอลถ้วยของทีมอัซซุร่า นาโปลี กับทีมเศรษฐีเรือใบ เรือสีฟ้า แมนฯซิตี้ ทีมยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เพราะล่าสุดเจ้าตัวได้ออกมายืนยันแล้วว่าที่ผ่านมายังไม่เคยได้พูดคุยกับบุคคลใดจากสโมสรแมนฯซิตี้เลย และที่สำคัญหากจะเลือกตัดสินอนาคตตัวเองก็จะยังคงโฟกัสที่ทีมนาโปลีก่อนเปนอันดับแรก

       กล่าวคือจะเลือกพูดคุยสัญญาใหม่ และพิจารณาข้อเสนอจากทางนาโปลีก่อนถึงจะไปมองทางเลือกอื่นๆหากว่ามีสโมสรไหนสนใจดึงเขาไปคุมทีม โดยราฟาเอล เบนิเตซ ซึ่งเคยมีประสบการณ์คุมทีมใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กับสโมสรใหญ่สองสโมสรทั้งหงส์แดง ลิเวอร์พูล และสิงห์บลู เชลซี กล่าวกับสื่อว่าตนไม่เคยบอกเลยนะว่าจะไม่ต่อสัญญากับทีมนาโปลี ตนไม่เคยได้รับการติดต่อเข้ามาจากซิตี้ ตนเป็นกุนซือที่มีความเป็นมืออาชีพพอ ดังนั้นตนจะรอดูนะว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง แล้วมันก็จะเป็นการพูดคุยกันกับทางนาโปลีเป็นอันดับแรกแน่นอน หากนาโปลีเป็นทีมที่ต้องการก้าวไปข้างหน้า อย่างที่จะเดินหน้าไปจริงๆ ตนจะพูดคุยกับครอบครัวของตน และบอกว่าจะอยู่ที่นี่ต่อไป แต่ตอนนี้ย้ำอีกทีว่าไม่มีการพูดคุย และไม่มีข้อเสนอจากทางซิตี้เข้ามาเลย

       ทั้งนี้ ราฟาเอล เบนิเตซ เป็นหนึ่งในแคนดิเดทตัวเลือกกุนซือรายใหม่ของทีมเรือใบสีฟ้าลำดับต้นๆจากการคาดการณ์กันของหลายสื่อใหญ่ โดยเบนิเตซเป็นแคนดิเดทที่น่าสนใจร่วมกับกุนซืออย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่เพิ่งประกาศอำลาทีมเสือเหลือง ดอร์ทมุนด์ในบุนเดสลีกา เยอรมันไปหมาดๆ และคาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือทีมราชันชุดขาว เรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่แห่งลาลีกา สเปน (บางสื่อยกให้ราฟเอล เบนิเตซเป็นเต็งสามรองจากกุนซือสองรายดังกล่าว)

100

       ต้องบอกว่าทำให้แฟนบอลทีมเสือใต้ บาเยิร์น มิวนิค โล่งอกโล่งใจไปได้ไหมน้อยเหมือนกัน สำหรับการออกมากล่าวให้สัมภาษณ์ต่อสื่อครั้งล่าสุดของ โจเซ่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นายใหญ่ของทีมเสือใต้ บาเยิร์น มิวนิค เพราะเจ้าตัวได้กล่าวยืนยันอนาคตในถิ่นอัลลิอันซ์ อารีน่าว่าอย่างน้อยที่สุดก็ยังคุมทีมต่อไปจนหมดสัญญา กล่าวคือจะไม่ทิ้งทีมไปคุมทีมอื่นก่อนที่จะหมดสัญญากับทีม หรืออยู่ต่อในซีซั่นหน้าต่อไปนั่นเอง

       ทั้งนี้ก่อนหน้านี้มีข่าวลือออกมาหนาหูเกี่ยวกับอนาคตของกุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับข่าวคราวเชื่อมโยงกับทีมเรือใบสีฟ้า แมนฯซิตี้ ทีมยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษที่ส่อแววว่ากำลังจะเด้งกุนซือมานูเอล เปเยกรินี่ลงจากตำแหน่ง เนื่องจากทำผลงานได้น่าผิดหวังในซีซั่นนี้

       อย่างไรก็ โจเซ่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กล่าวถึงอนาคตของเขาชัดเจนว่าสำหรับอนาคตของผมก็คือผมจะมีเวลาว่างในวันพุธ และวันพฤหัสก็คือการพาทีมฝึกซ้อม ส่วนในปีหน้าก็คือการอยู่กับทีมต่อไป ที่นี่แหละ ใช่เหล่านี้แหละคืออนาคตของผม ส่วนนอกเหนือจากนี้แล้วนายใหญ่มันสมองของเสือใต้ บาเยิร์น มิวนิค ก็ยังได้กล่าวไปถึงเรื่องของเป้าหมาย และความรู้สึกในการทำทีมเสือใต้อีกว่าอีกไม่กี่ย่างก้าวเราก็กำลังจะเป็นแชมป์เดเอฟเบ โพคาล (บอลถ้วยในประเทศเยอรมัน) ร่วมกับแชมป์บุนเดสลีกา

       ผมรู้สึกดีนะที่ระหว่างการคุมทีมเสือใต้ ผมได้เจอกับปัญหามากมาย (และเผชิญหน้าสู้กับปัญหาต่างๆ) แต่ผมก็ยังรู้ดีว่าการเป็นดับเบิ้ลแชมป์สำหรับทีมขนาดยักษ์ใหญ่ของยุโรปอย่างบาเยิร์น มิวนิค บาร์เซโลน่า เรอัล มาดริดมันไม่เพียงพอหรอก สิ่งที่เราต้องคือการคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ (ต้องคว้าแชมป์ถ้วยยุโรปได้ด้วย) แล้วผมก็ภูมิใจนะกับการได้ทำงานร่วมทีมนักเตะของทีมเสือใต้ (เป๊ปเหลือสัญญากับทีมเสือใต้ในซีซั่นหน้าอีกซีซั่นเดียวเท่านั้น และแม้ว่าจะการันตีที่จะอยู่กับทีมต่อไปในจนครบสัญญา แต่เขาก็ไม่ได้กล่าวยืนยันว่าจะต่อสัญญากับเสือใต้ออกไปแต่อย่างใด)
Pages: 1 ... 8 9 [10]