เราคนไทยทุก ๆ คนสามารถพูดได้เลยว่า "
มวยไทย" นั้นได้กำเนิดมาพร้อมกับคนไทยเลยทีเดียว การฝึกฝนมวยไทยจะเป็นการฝึกฝนไปเพื่อการป้องกันตัวและใช้มวยไทยเพื่อต่อสู้กับข้าศึกศัตรูในสมัยก่อน แต่เมื่อบ้านเมืองร่มเย็น คนไทยสมัยก่อนก็พากันฝึกฝนมวยไทยเอาไว้เพื่อการแข่งขันกันและเพื่อแสดงเป็นศิลปะการต่อสู้ในวาระโอกาสตามสถานที่ต่าง ๆ เท่านั้น ตามประวัติศาสตร์แล้วถ้าพูดถึงมวยไทย ก็จะมักนึกถึงเรื่องราวของนายขนมต้ม ซึ่งในสมัยนั้นท่านเป็นเชลยศึก และสามารถล้มทหารพม่าทีเดียวถึง 10 คนได้ด้วยมือเปล่า ท่านเลยได้รับคำชื่นชมจากกษัตริย์ของทางพม่าว่ามวยไทยนั้นมีพิษสงรอบตัว ตั้งแต่นั้นมามวยไทยจึงมีชื่อเสียงขจรขจายไปไกลและมีนายขนมต้มซึ่งภายหลังได้รับยกย่องให้เป็นบิดาของวิชามวยไทย
ต่อมามวยไทยก็ได้พัฒนาการจากการต่อสู้โดยการ “ทุบตีชกต่อย” ขึ้นมาสู่ความเป็น “เกมกีฬา” มีการคิดว่าต้องมีอาณาเขต ต้องมีเชือกล้อม ต้องมีเชือกมัดมือเพื่อที่จะไม่ให้ดูโหดร้ายจนเกินไป ก็พํฒนาไปเรื่อย ๆ จนต้องมีเวลาพัก มีกี่ยก มีการให้น้ำ เปลี่ยนจากอาณาเขตเป็นเวที เปลี่ยนจากเชือกรัดมือเป็นนวมและการชกหรือวิชามวยไทยนั้นก็ได้ปรับปรุงไปจนมีระเบียบและแบบแผนชั้นเชิงในการต่อสู้ให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป
จากนั้นมวยไทยก็ได้รับความนิยมชมชอบมากมายจากผู้คนโดยทั่วไปแต่ก็ไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น เพราะเมื่อคนไทยสามารถไปชกกับชาวต่างชาติและนำชัยชนะมาให้กับประเทศไทยแล้วนั้น ก็ทำให้ชาวต่างชาติทั้งหลายยอมรับถึงความแข็งแกร่ง สวยงาม และวัฒนธรรมที่อยู่ในวิชามวยไทย จนมวยไทยในปัจจุบันนั้นมีชื่อเสียงไปทั่วโลกและมีนักมวยของไทยเมื่อเลิกชกแล้วก็ไปเปิดสำนักหรือค่ายมวยในต่างประเทศอีกด้วย ทำให้มีการจัดการแข่งขันกันใหญ่โต ทั้งการแข่งขันระหว่างคนไทยด้วยกันเอง หรือคนต่างชาติกับคนไทย หรือชาวต่างชาติแข่งขันกันเองก็ตาม
มวยไทยนั้นถ้ามองกันในแง่ดีก็ต้องมีไว้เพื่อป้องกันตัวและหรือเอาไว้ต่อสู้กับคนที่ก่อความเดือนร้อนให้กับบ้านเมืองเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วมวยไทยก็เป็นแวดวงการพนันที่ใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศไทยเลยทีเดียว ซึ่งการชกเพื่อการแข่งขันนั้นกลายเป็นการสนับสนุนให้คนไทยหรือคนต่างชาตินั้นมาพนันขันต่อกันเพื่อที่จะได้เงินกลับไป ซึ่งดูแล้วมันไม่ใช่วัตถุประสงค์เดิมของบรรพบุรุษที่มีไว้ดั่งเดิม อย่างไรก็ดีไม่ว่าวงการมวยไทยจะเป็นเช่นไร ความเป็นมวยไทยก็ยังสงวนไว้ในความเป็นไทยไม่ลืมเลือน