หลังจากทุ่มทุนต่อเนื่องมานานติดต่อกันหลายฤดูกาลเพื่อเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าทีม “เรือใบสีฟ้า” แมนฯซิตี้ก็ถึงคราวที่จะชะลอการขาดทุน และเริ่มต้นทำกำไรกันแล้วครับ โดยจากการกล่าวของซีอีโอคนเก่งของสโมสรดังแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ “เฟร์ราน โซเรียโน่” ล่าสุดเกี่ยวกับผลประกอบการของทีมแมนฯซิตี้มีใจความประมาณว่าเวลานี้พวกเขากำลังทำงานหนักเพื่อให้การขาดทุนของสโมสรชะลอลง ตั้งแต่ฤดูกาลนี้เลย ทั้งนี้การลงทุนเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าทีมของสโมสรแมนฯซิตี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา
ซึ่งจากข้อมูลการทุ่มทุนซื้อนักเตะของพวกเขาตามตัวเลจสถิติแสดงให้เห็นว่าพวกเขาหมดเงินไปราว 600 กว่าล้านยูโรเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่าเป็นจำนวนเงินที่มหาศาล หรือกล่าวอีกนัยนึงก็คือทำให้เจ้าของทีมซิตี้ขาดทุนยับเลย แต่ทว่าหากดูที่คาดการณ์รายได้ในฤดูกาลปัจจุบันแล้วก็พอจะอุ่นใจได้ถึงแนวทางการบริหารจัดการสโมสรแมนฯซิตี้อยู่พอสมควร เพราะทางเฟร์ราน โซเรียโน่ คาดการณ์ตัวเลขรายได้ในฤดูกาลนี้ของแมนฯซิตี้ไว้ที่ราว 400 ล้านยูโร จัดว่ามากเป็นอันดับต้นๆของทีมสโมสนในยุโรป โดยอาจจะเป็นรองเพียงรีล มาดริด แมนฯยูไนเต็ด บาเยริ์น มิวนิค และบาร์เซโลน่าเท่านั้นเอง และยิ่งถ้าไปนำไปเปรียบเทียบกันกับตัวเลขระดับรายได้เดิมของซิตี้ในช่วงที่เพิ่งเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าทีม ก็ยิ่งน่าดูน่าชมทีเดียว เพราะมันสูงกว่ากันถึงราว 10 เท่าตัว เหตุผลที่เปลี่ยนแปลงสูงขึ้นได้รวดเร็วขนาดนี้ก็แน่นอนว่ามาจากผลพวงการทุ่มทุนกว่า 600 ล้านยูโรดังกล่าวของพวกเขานั่นแหละ
กล่าวคือเมื่อทีมถูกแปลงโฉม จากทีมระดับกลางๆทีมนึง ที่ไม่ได้มีนักเตะสตาร์ดัง ไม่ได้มีลุ้นแชมป์ กลายมาเป็นทีมที่มีสตาร์ดังล้นทีม มีลุ้นแชมป์แทบทุกรายการที่ลงแข่งขัน ก็เลยทำให้มูลค่าทางการค้า เช่น ค่าสปอนเซอร์ ค่าถ่ายทอดสด เพิ่มสูงขึ้นเป็นหลายเท่าตัว อีกทั้งมีรายได้เพิ่มขึ้นจากผลงานที่ทำให้พวกเขาได้โควตาเข้าไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก (ฟุตบอลถ้วยใบใหญ่ของยุโรป) รายได้โดยรวมทั้งฤดูกาลจึงพุ่งสูงกว่าเดิมเยอะ