หลังมีข่าวว่า ผ.อ.บาร์เซโลน่าเดินทางไปลอนดอนเพื่อการเจรจาขอซื้อตัวดาวิด ลุยส์ กองหลังจอมบุกของทีมสิงห์บูล เชลซี ไม่กี่ชั่วโมงให้หลังก็มีข่าวออกมาว่าทางด้านบาร์เซโลน่าโดนเชลซีบอกปัดข้อเสนอแบบทันควัน และโจเซ่ มูริญโญ่ กุนซือของเชลซีก็ยันชัดด้วยว่าไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ขายลุยส์ออกไป เพราะฉะนั้นบาร์ซ่าไม่จำเป็นต้องหวนกลับมาหาเราด้วยข้อเสนออื่นๆ นอกจาเหนือไปจากเงินราว 34 ล้านปอนด์ซึ่งยื่นเข้ามาในตอนแรกนี้อีก ว่าง่ายๆเลยคือมูริญโญ่จะบอกกับทางบาร์ซ่าว่าเสียเวลาเปล่า อย่ามาตื้อเลยเพราะยังไงก็ไม่มีวันได้ตัวลุยส์ไปร่วมทีม
ซึ่งกรณีแบบนี้ก็ไม่รู้ว่ามูริญโญ่นั้นได้คิดหวนกลับกันถึงเคสทีมตัวเองที่กำลังพยายามตื้อซื้อตัวรูนี่ย์บางหรือเปล่า ก็ในเมื่อเท่าที่เห็นๆกันมาเดวิด มอยส์ กุนซือแมนฯยูไนเต็ดก็ยันชัดเจนเช่นกันว่าพวกเขาไม่ต้องการขายรูนี่ย์ และจะว่าไปกับบาร์เซโลน่าเองก็เถอะตัวผู้เล่นของตนเองที่โดนทีมอื่นตามซื้อ เช่น ในรายของเชส ฟาเบรกาสที่แมนฯยูไนเต็ดตามตื้อขอซื้อ พวกเขาก็หวงตัวผู้เล่น โดยประกาศว่าจะไม่ขายเช่นกัน นึกคิดดูแล้วจึงอาจจะพอบอกได้ว่ายุคสมัยของฟุตบอลสมัยนี้เป็นยุคแห่งการหวงตัวผู้เล่น คือทีมใหญ่ๆหรืออาจไม่ต้องถึงขนาดทีมใหญ่ ไล่ตั้งแต่ทีมระดับกลางๆขึ้นมาเลย จะต้องพยายามรั้งตัวผู้เล่นดังๆ ฝีเท้าดีๆไว้กับทีมให้ชนิดที่เรียกว่าเหนียวแน่นที่สุด หากจะเกิดการซื้อขายขึ้นมาจริงๆก็ต้องเป็นการซื้อขายด้วยเม็ดเงินมหาศาล เช่น กรณีของฟัลเกา กรณีของคาวานี่ เป็นต้น
หรืออย่างที่กำลังเป็นข่าวอยู่คือในรายของแกเร็ธ เบล ที่ว่ากันว่าค่าตัวอาจทำลายสถิติโลก คือถ้าถามกันว่าเป็นเรื่องที่ดีไหมที่ทีมต่างๆตั้งแต่ทีมขนาดกลางๆขึ้นมาถึงทีมใหญ่ๆพากันหวงตัวผู้เล่นดังๆแบบนี้ ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีมากเลยล่ะ เราจะได้เห็นนักเตะดังๆ ฝีเท้าดีๆคละเคล้าอยู่กับหลายๆทีม และทำให้มีทีมที่สู้กันได้สนุกสูสีมากขึ้น ไม่ใช่ว่านักเตะดีๆดังๆไปกระจุกตัวอยู่กับทีมใหญ่ๆทีมใดทีมนึงเพียงเท่านั้นครับ
