อย่างที่ทราบๆกันช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่หัวหอกทีมชาติอุรุกวัยของหงส์แดง ลิเวอร์พูล “หลุยส์ ซัวเรซ” โดนแบนห้ามลงสนามแข่งขัน และจะโดนแบนต่อไปอีกประมาณ 2 จึงจะสามารถกลับมาลงสนามให้ลิเวอร์พูลได้ตามปกติ ซึ่งต้นฤดูกาลนี้ลิเวอร์พูลก็เลยต้องเริ่มต้นด้วยการไม่มีซัวเรซเป็นหนึ่งในผู้เล่นแนวรุก หลายคนมองว่านี่จะเป็นปัญหาหลักที่ทำให้ลิเวอร์พูลมีผลงานที่ไม่สู้ดีในเกมรุก ยิงประตูไม่ได้ เอาชนะคู่แข่งไม่ได้ อะไรทำนองนั้น ทว่าความเป็นจริงตรงกันข้าม ลิเวอร์พูลเริ่มต้นฤดูกาลในเกมลีก 3 นัด สามารถเอาชนะคู่แข่งได้ทั้ง 3 นัด และเกมฟุตบอลถ้วย 1 นัดก็สามารถเอาชนะได้เช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้นหนึ่งในสามนัดของฟุตบอลลีกเป็นการเอาชนะทีมใหญ่อย่างแมนฯญูไนเต็ด มันจึงเป็นบทสรุปที่ชัดเจนว่าลิเวอร์พูลมีเกมรุกที่มีประสิทธิภาพได้แม้ไม่มีหลุยส์ ซัวเรซ ที่น่ากล่าวถึงมากกว่านั้นไปอีกคือหลังภายพ้นชัยชนะนัดดังกล่าวทังหมดไปแล้ว แบรนแดน ร็อดเจอร์สสามารถเสริมทัพด้วยผู้เล่นแนวรุกที่ตนเองต้องการเข้ามาในทีมได้ด้วย (วิเคเตอร์ โมเซส) ตอนนี้จึงเท่ากับว่าแนวรุกในทีมลิเวอร์พูลของร็อดเจอร์ประกอบไปด้วย ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ ฟิลิปเป้ คูติญโญ่ ยาโก้ อัสปาส วิคเตอร์ โมเซส ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ในรายของอัสปาสที่ยึดตำแหน่งตัวจริงมาตลอดการเริ่มต้นฤดูกาลเข้าใจว่าเมื่อมีโมเซสเข้ามาเขาอาจโดนดร็อปลงไปเป็นตัวสำรอง เพราะอัสปาสยังโชว์ฟอร์มได้ไม่ดี ยังพิสูจน์ตัวเองไม่ได้จริงๆ
ในรายของราฮีม สเตอร์ลิ่งก็ยังพอเข้าใจเช่นกันว่าร็อดเจอร์สน่าจะเก็บไว้ใช้งานในฐานะตัวสำรองต่อไปก่อน แต่แน่นอนว่าสเตอร์ริดจ์ กับคูติญโญ่ร็อดเจอร์สต้องใช้ยืนเป็นตัวหลักต่อแน่ๆ ฉะนั้นเมื่อซัวเรซกลับมาที่ยืนของซัวเรซจะไม่ใช่แบบเดิม คือตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าเมื่อฤดูกาลที่แล้ว และตามการเปิดเผยของร็อดเจอร์ส เจ้าตัวก็ยืนยันเองว่าจะใช้สเตอร์ริดจ์เป็นหน้าเป้าต่อไป แล้วให้คูติญโญ่โยกเมาเล่นหน้าต่ำ หรือเป็นเพลย์เมกเกอร์ ดังนั้นที่ยืนของซัวเรซจะต้องเป็นตัวรุกริมเส้น ประมาณกึ่งๆปีก มันจึงน่าลุ้นมากๆว่าเมื่อซัวเรซโดนเปลี่ยนบทบาทในทีมเขาจะยังฟอร์มร้อนแรกเหมือนที่เป็นมาในฤดูกาลที่แล้วหรือไม่?
