แม้ว่าในเส้นทางของการลุ้นแชมป์โลก หรือแชมป์ยูโร ซึ่งเป็นรายการใหญ่ๆสำหรับฟุตบอลในระดับทีมชาติของสิงโตคำราม อังกฤษจะเป็นเรื่องยากในตลอดระยะเวลาหลายปีหลัง แต่กระนั้นแฟนบอลของทัพสิงโตคำราม อังกฤษ จำนวนมากก็ยังหวังลึกๆในใจว่าทีมชาติอังกฤษภายใต้การนำของกุนซือมากประสบการณ์ รอย ฮ็อดจ์สันจะสามารถประสบความสำเร็จในรายการแข่งขันฟุตบอลใหญ่ๆดังกล่าวได้ในเร็ววัน โดยเฉพาะกับรายการฟุตบอลโลก หรือเวิร์ดคัพที่จะเปิดฉากขึ้นในปีหน้านี้แล้วที่ประเทศบราซิล และถึงจะประเมินจากความเป็นจริงอย่างที่กล่าวนั่นแหละครับว่ามันเป็นเรื่องยากมาก
ทว่าอย่างน้อยที่สุดเวลานี้แฟนบอลอังกฤษก็ได้เฮกันขึ้นมาหน่อยแล้ว เมื่อในรอบคัดเลือกโซนยุโรปตอนนี้ อังกฤษนำเป็นจ่าฝูงของกลุ่มด้วยผลงานชัยชนะแมทล่าสุดแบบท่วมท้น 4-0 ในการพบกันกับมอลโดวาที่สนามเวมบลีย์ กรุงลอนดอนของประเทศอังกฤษเอง โดยเริ่มต้นการแข่งขันมาในเกมนี้ได้ไม่นานเป็นทางด้านสตีเฟ่น เจอร์ราร์ด กัปตันของคนเก่งของทัพสิงโตคำรามที่ซัดสกอร์เปิด 1-0 ให้กับทีม (ในนาทีที่ 12) จากนั้นสกอร์ก็มาไหลๆเรื่อยๆจนไปจบเกมที่ 4-0 จากการยิงของริคกี้ แลมเบิร์ต 1 ลูก และเดนนี่ เวลเบคกองหน้าดาวอายุน้อยจากทีมแมนฯยูไนเต็ดอีก 2 ลูก อย่างไรก็ตามเกมนี้ที่ผ่านไปของอังกฤษหากมองเป็นความหวังกันแบบลึกๆหน่อย อาจเรียกได้ว่านี้คือการจุดประกายความสำเร็จของอังกฤษในเวิร์ดคัพ 2014 ได้เลย
คืออาจไม่ถึงคาดหวังว่าต้องเป็นแชมป์ รองแชมป์ขนาดนั้น แต่อย่างน้อยที่ 3-4 ไม่น่าไกลเกินเอื้อม ยิ่งด้วยมีกัปตันอย่างเจอร์ราร์ดที่กำลังอยู่ในช่วงที่ประสบการณ์ในการเล่นฟุตบอลที่โชกโชน แถมล่าสุดโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมเป็นผู้เบิกร่องประตูแรก และจบแมทด้วยการเป็นแมนออฟเดอะแมท หรือผู้เล่นที่เล่นได้ดีที่สุดประจำแมทด้วยแล้ว มันยิ่งทำให้อดคิดเข้าข้างทีมชาติอังกฤษในยุคนี้ไม่ได้จริงๆว่าพวกเขากำลังใกล้เข้าสู่ยุคของการประสบความสำเร็จในรายการใหญ่ๆ นี่ยังไม่นับรวมอาวุธเด็ดอีกหนึ่งรายของอังกฤษ อย่างกองหน้าผิวสีของลิเวอร์พูล ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ด้วยนะครับ แล้วก็ยังมีรูนี่ย์ด้วย ซึ่งทั้งสองแม้ว่าจะบาดเจ็บอยู่ตอนนี้ กระนั้นด้วยระยะเวลาที่เหลืออีกยาวนานกว่าเวิร์ดคัพรอบสุดท้ายจะคลิกออฟยังไงๆก็กลับมาช่วยทีมได้ทันอยู่แล้ว
