แม้จะก้าวขึ้นมาเป็นทีมที่มีขุมกำลังยอดเยี่ยมมากที่สุดทีมนึงในยุโรปได้หลายปีแล้ว แต่ทว่าทีมเรือใบสีฟ้า แมนฯซิตี้ก็ยังไม่เคยประสบความสำเร็จในรายการฟุตบอลถ้วยใหญ่ของยุโรปอย่าง “ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก” หรือจะว่ากันตรงๆหน่อยก็ต้องบอกว่าล้มเหลวด้วยซ้ำ เมื่อฤดูกาลที่ผ่านๆมาซึ่งพวกเขาได้สิทธิ์เข้าไปร่วมเล่นนั้นต่างก็ต้องกระเด็นตกรอบตั้งแต่จบการแข่งขันในรอบแบ่งกลุ่มทุกที ฉะนั้นในฤดูกาลปัจจุบันนี้ที่พวกเขาตีตั๋วเข้ารอบน็อกเอาต์ต่อไปได้เป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงถือเป็นฤกษ์งามยามดีสำหรับการเริ่มต้นสร้างเกียรติประวัติของพวกเขาบนเส้นทางของฟุตบอลถ้วยใบใหญ่นี้สักที
แต่ก็นั่นแหละครับว่าในรอบแบ่งกลุ่มจะเหลือเกิมการแข่งขันอีกตั้ง 2 แมท และทีมเรือใบสีฟ้าก็เป็นทีมที่ยังไม่เคยผ่านรอบนี้ไปได้ กระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าผลงานในฤดูกาลนี้ของเขาพวกเขาดีเกินคาดแต่อย่างใด หากจะต้องบอกว่าเป็นผลงานที่คู่ควรแล้วมากกว่า ด้วยศักยภาพของขุมกำลังที่พวกเขามี + ประสบการณ์ที่ได้รับมาในฤดูกาลก่อนๆ ดังนั้นแน่นอนว่าฤดูกาลนี้พวกเขาจะต้องไม่พึงพอใจแค่การทะลุเข้ารอบน็อกเอาต์ได้เท่านั้น ก็เหมือนอย่างที่เปเยกรินี่เริ่มตั้งเป้าเอาไว้หลังจากนี้แหละครับว่าพวกเขาจะลุ้นจบรอบแบ่งกลุ่มในฐานะแชมป์กลุ่ม ซึ่งก็ต้องเป็นการเบียดแย่งกันกับแชมป์เก่าอย่างบาเยิร์น มิวนิคในสองแมทสุดท้าย ทั้งนี้ ณ ตอนนี้ทีมนำของกลุ่มเป็นบาเยิร์น มิวนิค ที่มี 12 แต้ม
ทีมเรือใบสีฟ้าอยู่อันดับสองมี 9 แต้ม ทีมอันดับสามและสี่ที่ตกรอบแน่นอนแล้วเป็น ซีเอสเคโอ มอสโก และวิคตอเรีย พิลเซ่นที่มี 3 คะแนน และ 0 คะแนนตามลำดับ ส่วนหลังจากจบการลุ้นแย่งแชมป์กลุ่มไปไม่ว่าทีมเรือใบจะจบอันดับที่เท่าไหร่นั่นก็จะไปเป็นเรื่องของการตั้งเป้าในรอบน็อกเอาต์กันต่อ ซึ่งก็จะมีเรื่องของการประคู่แข่งขันเข้ามาเกี่ยวพันกับอนาคตบนเส้นทางฟุตบอลถ้วยใบใหญ่ของเรือใบสีฟ้านี้ด้วย หากว่าโชคดีจับเจอกับทีมไม่แกร่งเท่าไหร่ก็น่าจะเป็นโอกาสอันดีที่เรือใบจะได้ทะลุทะลวงเข้าไปประกาศศักดาในรอบลึกๆสักที แต่หากโชคร้ายไปเจอกับทีมแกร่งๆที่มีความเก๋าในถ้วยนี้มากกว่า พวกเขาก็อาจจะเข้าตำราค่อยเป็นค่อยไป (ฤดูกาลนี้เลยรอบแบ่งกลุ่มมาได้ ฤดูกาลหน้าก็อาจเลยเข้าไปไกลกว่าเดิม)
