คงจะต้องบอกว่ากู่ไม่กลับซะแล้วครับ สำหรับทีมปีศาจแดง แมนฯยูไนเต็ด เมื่อล่าสุดทำศึกบิ๊กแมทปะทะทีมสิงโตน้ำเงินคราม เชลซี และเป็นฝ่ายพ่ายไปขาดลอย 3-1 ส่งผลให้จำนวนแต้มตามที่ห่างจากทีมอันดับบนๆของตารางอยู่เดิมแล้ว ห่างมากยิ่งขึ้นไปใหญ่เลย เรียกว่านอกจากจะพลาดโอกาสในการทำแต้มไล่จี้ขึ้นมาแล้ว ยังเหมือนส่งแต้มให้คู่แข่งเต็มๆ 3 แต้มซะอย่างนั้นเลย ทีนี้ก็อย่างว่าแต่ลุ้นแชมป์เลยครับ ลุ้นจบอันดับ 4-6 ก็ยังเป็นเรื่องยากมากแล้ว
ทั้งนี้หลังเกมดังกล่าวแมนฯยูไนเต็ดยังคงรั้งอันดับ 7 ตามเดิม แต่แต้มห่างระหว่างเชลซี ซึ่งอยู่อันดับ 3 นั้นเพิ่มเป็น 12 แต้ม ส่วนกับทีมจ่าฝูงอาร์เซน่อลนั้นห่างอยู่ถึง 14 แต้มด้วยกัน ด้านทีมตามหลังแมนฯยูไนเต็ด (อันดับ 8 ) อย่างนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ดก็มีแต้มห่างจากพวกเขาเพียงแค่ 1 แต้มเท่านั้น คือมีโอกาสที่จะพลิกขึ้นมาแซงหน้ายูไนเต็ดได้ตลอดเวลา สำหรับไฮไลท์การยิงประตูในเกมสิงห์บลูถล่มเอาชนะแมนฯยูไนเต็ด 3-1 นี้ก็เป็นทางด้านซามูเอล เอโต้ กองหน้าวัยเก๋าที่ซัดแฮตทริกเหมายิงคนเดียว 3 ประตูรวด ในนาทีที่ 17, 45, 49 และเป็นฮาเวียร์ เอนานเดซ ชิชาริโต้ ที่มายิงตีไข่แตกให้ปีศาจแดง 1 ประตูในนาทีที่ 78 อย่างไรก็ตามช่วงท้ายเกมเนมานย่า วิดิช กองหลังทีมเยือนมาโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม จากกรณีเข้าบอลหนักใส่เอแด็น อาซาร์ มิดฟิลด์จอมเทคนิคของทีมเจ้าบ้าน
ส่วนหลังเกมเดวิด มอยส์ กุนซือทีมผู้แพ้กล่าวโทษโชคว่าทีมตนเองโชคร้ายที่แพ้ในเกมนี้ โดยชี้ว่าประตูแรกทีมตนเองไม่ควรจะเสียเลย แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ก็คิดว่าวันนี้ลูกทีมของเขาทำสิ่งดีๆหลายอย่างในสนามให้ได้เห็นกันแล้ว และขอให้ลูกทีมของตนพยายามสู้ต่อไปกับเกมการแข่งขันถัดไป ทางฝั่งของมูริญโญ่ก็แน่นอนครับ พึ่งพอใจกับเกมนี้อยู่แล้ว เพราะลูกทีมสามารถเก็บชัยชนะเหนือทีมใหญ่ และเป็นทีมแชมป์เก่าอย่างแมนฯยูไนเต็ดได้ อีกมูริญโญ่เป็นกุนซือสไตล์เน้นผลการแข่งขัน ต่อให้รูปเกมดี หรือไม่ดีแต่ถ้าผลออกมาชนะก็ย่อมพอใจครับ
