หลังจากทีมแย่งลุ้นแชมป์อย่างอาร์เซน่อล และแมนฯซิตี้ พากันสะดุดไปในนัดที่แล้ว โดยฝ่ายแรกแพ้ ฝ่ายหลังเสมอ ปล่อยให้สิงห์บลูที่เก็บชัยชนะได้แซงขึ้นมาเป็นจ่าฝูง ถัดมาอีกเพียงนัดเดียวสิงห์บลู เชลซีก็สะดุดกับเค้าบ้างครับ โดยเป็นการบุกไปเสมอกับทางด้านเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน พลาดการเก็บสามแต้มอันล้ำค่าไป และแน่นอนว่าส่งผลให้อันดับในตารางคะแนนที่พวกเขานำเป็นจ่าฝูงอยู่นั้นสั่นคลอนเลยทีเดียว เรียกว่าพร้อมที่จะหล่นจากจ่าฝูงทันที หากว่าทีมใดทีมนึง หรือทั้งสองทีมอย่างอาร์เซน่อล และแมนฯซิตี้เก็บชัยชนะได้
ตามโปรแกรมการแข่งขันที่ทั้งสองทีมจะลงทำการแข่งขันช้ากว่าเชลซีประมาณ 1 วัน ทั้งนี้เกมที่เชลซีบุกไปเสมอเวสต์บรอมวิชนั้น ที่จริงเกือบจะเป็นชัยชนะของเชลซีอยู่แล้ว เนื่องจากพวกเขาได้ประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 ช่วงทดเจ็บของครึ่งเวลาแรก จากการทำประตูของบรานิสลาฟ อิวาโนวิช แล้วสกอร์ก็หยุดอยู่ตรงนั้นมาจนถึงท้ายๆเกมครึ่งหลัง ทว่าช่วงนาทีที่ 86 เวสต์บรอมมาได้ประตูจากวิคเตอร์ อนิเชเบ้ ซึ่งโขกลูกเปิดของเบราฮิโน่เข้าไปตุงตาข่าย สรุปง่ายๆคือตอนนี้อนาคตจ่าฝูงของเชลซีไม่ได้อยู่ที่มือของพวกเขาเองแล้ว หากแต่ไปอยู่กับแมนฯซิตี้ และอาร์เซน่อล อย่างที่กล่าวไปนั่นแหละครับ ฉะนั้นถ้าหวังจะนำจ่าฝูงต่อไปก็คงต้องภาวนาให้ทั้งสองทีมไม่ชนะ
อย่างไรก็ตามหลังเกมการแข่งขัน “โจเซ่ มูริญโญ่” กุนซือทีมสิงห์บลู เชลซี ออกมากล่าวยอมรับสภาพเกมนี้แบบตรงไปตรงมาว่าเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยนสมควรได้ 1 แต้มจากเกมนี้จริงๆ โดยชี้ว่าช่วงท้ายเกมประมาณ 20 นาที เวสต์บรอมสามารถกดดันลูกทีมของเขาได้ดีมาก กระทั่งได้ 1 ประตูตีเสมอที่คู่ควร แต่กระนั้นภาพรวมของเกม 60 นาทีก่อนมูริญโญ่ก็คิดว่าลูกทีมของตนทำได้ดีทีเดียว สามารถครองเกมไว้ได้หมด เวสต์บรอมไม่สามารถทำอะไรได้เลย เพียงแต่ที่สุดแล้วไม่สามารถที่จะจบประตูที่สอง เพื่อปิดเกมได้
