ท่ามกลางกระแสการวิจารณ์ผลงานเดวิด มอยส์ในด้านลบก็ต้องบอกกันว่ากุนซือทีมหงส์แดงอย่างร็อดเจอร์สกลับไม่ได้มีความเห็นที่โน้มเอียงไปในทิศทางนั้นแต่อย่างใดครับ เมื่อเขาได้ออกมากล่าวก่อนเกมแดงเดือดคำรบสองประมาณว่าเดวิด มอยส์นั้นเป็นกุนซือที่น่าเห็นใจอย่างยิ่ง เพราะต้องมาแบกรับความกดดัน ความคาดหวังจากทีมปีศาจแดง ซึ่งเคยประสบความสำเร็จมาต่อเนื่องยาวนานหลายปี โดยร็อดเจอร์สได้หยิบยกเคสของตัวเองที่เข้ามาคุมทีมหงส์แดงขึ้นมาเปรียบเทียบกันกับเดวิด มอยส์ที่มารับหน้าที่คุมทีมปีศาจแดง
ว่าเป็นอะไรที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ถึงแม้ว่าแมนฯยูไนเต็ด และลิเวอร์พูลจะเป็นทีมยักษ์ใหญ่ด้วยกันทั้งคู่ก็ตาม เนื่องจากเมื่อตอนที่ตนเองเข้ามารับตำแหน่งหน้ากุนซือทีมลิเวอร์พูล ลิเวอร์พูลเป็นทีมที่จบเพียงอันดับ 8 เท่านั้น เรื่องของความกดดันสำหรับตนจึงไม่ได้มีมากมาย แต่ทว่าฝั่งเดวิด มอยส์เข้ามารับหน้าที่คุมทีมแมนฯยูไนเต็ดที่เป็นแชมป์เก่าพรีเมียร์ลีก อีกทั้งตลอดเวลาหลายปีที่เซอร์ อเล็กซ์ คุมทีมก็พาทีมประสบความสำเร็จมามากมายเหลือเกิน ความกดดันที่มากมายจึงตกที่ตัวเดวิด มอยส์เต็มๆ ดังนั้นการที่เดวิด มอยส์ทำผลงานออกมาได้น่าผิดหวังในฤดูกาลแรกที่คุมทีมปีศาจแดงอย่างที่เห็นๆกันมันเลยดูเป็นอะไรที่ไม่น่าตำหนิสักเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามแม้ว่าเบรนแดน ร็อดเจอร์สจะกล่าวว่าตัวเขาเองเข้ามาคุมทีมลิเวอร์พูลโดยที่ไม่มีความกดดัน ความคาดหวังมากมาย
แต่ก็ต้องยอมรับกันว่าในส่วนของผลงานเบรนแดน ร็อดเจอร์สทำได้ในฤดูกาลนี้นั้น ลึกๆแล้วก็คือสิ่งที่เดอะค็อปคาดหวังกันนั่นแหละ แต่ด้วยสถานะของทีมลิเวอร์พูล ซึ่งร้างความสำเร็จมานานมันคงดูไม่ยุติธรรมนักถ้าพวกเขาจะโยนความกดดัน ความคาดหวังทั้งหมดไปให้กับเบรนแดน ร็อดเจอร์ส ว่าง่ายๆคือทางฝั่งลิเวอร์พูลไม่กล้าที่คาดหวังอะไรกับร็อดเจอร์สมากมาย แต่ทางฝั่งปีศาจแดงพวกเขาคาดหวังกับเดวิด มอยส์ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามารับหน้าที่ต่อจากเซอร์ อเล็กซ์มากมายเลย