ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษเดินทางมาจนถึงตอนนี้ที่เหลือการแข่งขันอีกเพียงแค่ 5-6 นัด ก็ยังคงต้องบอกว่าความสนุกเข้มข้นโดยเฉพาะในส่วนของการลุ้นแย่งแชมป์นั้นไม่ได้เลือนหายไปไหนเลย เพราะ 3 บิ๊กทีมหัวตารางคะแนนอย่างลิเวอร์พูล เชลซี และแมนฯซิตี้ต่างนัดกันคว้าชัยได้เหมือนกันหมด โดยในส่วนของทีมเรือใบสีฟ้า แมนฯซิตี้เป็นการเปิดรังเอติฮัตสเตเดี้ยมไล่ถล่มทีมนักบุญ เซาธ์แฮมป์ตันไปขาดลอย 4-1 สิงห์บลู เชลซีก็ไม่น้อยหน้าเปิดสแตมฟอร์ดบริดจ์ไล่อัดช่างปั้นหม้อ สโต๊ค ซิตี้ไป 3-0
ขณะที่หงส์แดงบุกไปเฉือนขุนค้อน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-1 แม้จะดูเป็นสกอรที่ไม่สวยหรูเหมือนกับสองทีมแรกที่กล่าวไป แต่ทว่าหากดูที่ปัจจัยรอบด้านแล้วต้องบอกว่าทำได้ดีไม่ต่างกันเลย ด้วยว่าอย่างแรกลิเวอร์พูเล่นเกมนี้ในฐานะทีมเยือน แต่ซิตี้กับเชลซีได้เล่นในบ้านตัวเอง สองคือลิเวอร์พูลเสียประตูตีเสมอในเกมนี้แบบไม่ยุติธรรมเท่าไหร่นัก เพราะจังหวะเสียประตูภาพรีเพลย์ทำให้เราเห็นได้ชัดเจนว่าแอนดี้ แคร์โรลล์หัวหอกร่างใหญ่ของทีมขุนค้อนทำฟาล์วใส่ซิมง มิโญเล่ต์ ผู้รักษาประตูของหงส์แดง กับอย่างที่สามคือลิเวอร์พูลลงเล่นเกมนี้ด้วยการแบกความกดดันไว้เยอะกว่าสองทีมแรก กล่าวคือกดดันทั้งในแง่ของการลงเล่นทีหลัง (เพราะสองทีมแรกเก็บชัยไปได้แล้ว) และกดดันในฐานะที่ก่อนเกมสัปดาห์นี้พวกเขานำเป็นจ่าฝูงอยู่ เรียกได้ว่าสถานการณ์บังคับให้พวกเขาต้องคว้าชัยเพื่อทวงตำแหน่งจ่าฝูงคืนมานั่นแหละครับ
ดังนั้นเมื่อทำได้สำเร็จก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่บอว่าเกมนี้พวกเขาทำได้ดีมากจริงๆ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ในเกมถัดไปถือได้ว่าเป็นเกมที่สำคัญอย่างยิ่งยวดสำหรับอนาคตในการลุ้นแชมป์ของทั้งสามทีม เพราะซิตี้กับลิเวอร์พูลจะโคจรมาเจอกันเอง ทีมไหนเป็นฝ่ายชนะก็จะได้เปรียบทั้งเรื่องของการเก็บแต้มเพิ่ม และตัดแต้มคู่แข่งไปในตัว ส่วนถ้าหากเสมอกันก็แน่นอนว่าอีกหนึ่งทีมคู่แข่อย่างเชลซีจะได้ประโยชน์ไปเต็มๆ สรุปคือถ้าบสรุปของเกมซิตี้กับลิเวอร์พูลมีผลแพ้ ชนะ ทีมที่ชนะจะได้เปรียบในการลุ้นแชมป์ช่วงเวลาที่เหลืออย่างมากเลย ส่วนถ้าเสมอเชลซีจะได้เปรียบขึ้นมาทันทีเช่นกัน
