จบเห่ไปซะแล้วครับ สำหรับลูกทีมของกุนซือมาดเยอะ “โจเซ่ มูริญโญ่” หลังเป็นฝ่ายเปิดสแตมฟอร์ดบริดจ์พ่ายให้กับทีมแกร่งจากสเปนอย่างแอตฯมาดริดไปแบบขาดลอย 3-1 ในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกรอบรองชนะเลิศนัดที่สอง กระเด็นตกรอบไปตามระเบียบ เมื่อผลสกอร์รวมสองนัดเท่ากับสกอร์ที่เกิดขึ้นในเกมนัดที่สองนี้ เหตุเพราะเกมแรกทั้งคู่เสมอกันมาแบบไร้สกอร์ ทั้งๆที่ก่อนเกมการแข่งขันแมทนี้ทัพสิงห์บลูอยู่ในโมเมนตั้มที่ดีมากๆ เพราะเพิ่งจะบุกไปคว้าชัยชนะในเกมลีกเหนือหงส์แดงได้ถึงแอนฟิลด์ 2-0
อย่างไรก็ตามครับเกมการแข่งขันแมทนี้เป็นสิงห์บลู เจ้าบ้านที่ได้ประตูขึ้นนำทีมจากสเปนไปก่อน 1-0 จากลูกยิงของเฟร์นานโด ตอร์เรสที่ไปแฉลบผู้เล่นของทีมเยือนเข้าประตูไปในนาทีที่ 36 ทว่าช่วงท้ายของครึ่งเวลาแรกเป็นอาเดรียน โลเปซ ที่ตะบันประตูตีเสมอให้ทีมเยือน ส่งผลให้ครึ่งเวลาแรกจบไปที่สกอร์เท่ากัน 1-1 เข้าสู่ช่วงครึ่งเวลาหลังเกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 60 ซามูเอล เอโต้ กองหน้าวัยเก๋าของสิงห์บลูไปเล่นเกมรับผิดพลาดด้วยทะเล่อทะล่าเข้าไปเสียบดีเอโก้ คอสต้า และเป็นดีเอโก้ คอสต้าที่รับหน้าที่สังหารจุดโทษเข้าไปส่งให้ทีมเยือนพลิกนำเป็น 2-1 กุมความได้เปรียบในการเข้ารอบต่อไปอยู่มากโขเลย แต่ทุกอย่างยังไม่จบเท่านั้นเมื่อเกมดำเนินต่อไปถึงนาทีที่ 72 อาร์ด้า ตูรานมาบวกสกอร์ปิดกล่องให้กับทีมเยือนอีกหนึ่งสกอร์กลายเป็นฝังทีมเจ้าบ้านเป็น 3-1
สรุปการแข่งขันศึกฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาล 2013-2014 ถึงตอนนี้ได้คู่ชิงชนะเลิศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเป็นสองทีมจากลาลีกา สเปน และสองทีมจากเมืองมาดริดที่เข้าชิงกันเอง (รีล มาดริด-แอตฯมาดริด) แต่ที่น่าสนใจก็คือจากผลการแข่งขันทั้งหมดในรอบรองชนะเลิศแสดงให้เห็นว่าการได้เล่นเป็นเจ้าบ้านในเกมที่สองนั้นไม่ใช่สิ่งที่นำมาซึ่งความได้เปรียบต่อทีมใดเลย ด้วยว่าทั้งเชลซี และบาเยิร์น มิวนิค ต่างพ่ายแพ้คาบ้านในเกมที่สองแบบหมดรูปด้วยกันทั้งคู่