ในประวัติศาสตร์ "ฟุตบอลโลก" ได้มีบันทึกความทรงจำของนัดพลิกล็อคแบบถล่มปฐพี สหรัฐชนะอังกฤษ 1-0 ปี 1950,เกาหลีเหนือโค่นอิตาลี 1-0 ปี 1966และเยอรมันแพ้อัลจีเรีย 1-2 ปี 1982 เป็นแมทช์คลาสสิคล้มยักษ์ ที่ก้องกังวานไปทั่วโลกและยังคงยืนยงเป็นที่รับรู้จนถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ตามมีคนน้อยมากด้วยเช่นกันที่ ได้รับรู้ถึงชัยชนะที่ว่ากันมันคือตำนาน
สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาตินำแฟนบอลย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์การแข่งขัน ฟุตบอลโลกพบกับแมทช์แห่งความทรงจำที่ไม่เคยถูกลืมเลือน
- ตูนิเซีย ชนะ เม็กซิโก 3-1 (อาร์เจนตินา 1978)
ทีมจากทวีปแอฟริกาใต้ไม่เคยคว้าชัยชนะในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย จนกระทั่งที่อาร์เจนตินา ปี 1978 ตูนิซีย ได้สร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแรกด้วยการเม็กซิโก 3-1 ทีมจากแอฟริกาใต้เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมสมควรได้รับชัยชนะแสดงให้เห็นถึง หัวใจอันยิ่งใหญ่ยิงคืนสามประตูหลังจากเสียประะตูไปก่อน
- เดนมาร์ก ถลุง อุรุกวัย 6-1 (เม็กซิโก 1986)
โลกลูกหนังได้รับรู้ถึงความสุดยอดของเดนมาร์ก เปิดฉากด้วยการเฉือนสกอตแลนด์ 1-0 ก่อนจะทำให้ทุกคนต้องตกตะลึงในความสามารถของพวกเขาด้วยการถล่มอุรุกวัยแบบ ไม่มีใครคาดคิด 6-1 ด้วยแบบฉบับการเล่นระดับสุดของโททัลฟุตบอลภายใต้การคุมทีมของเซปป์ อิออนเท็ก กุนซือชาวเยอรมัน
เดนมาร์ก ลงสนามด้วยผู้เล่นแนวรุกสุดยอด ไมเคิล เลาดรู๊ป,เยสเปอร์ โอลเซน,ปรีเบน เอเจอร์ โดยมีแฟร้งก์ อาร์เนเซน บัญชาการ การเหลือผู้เล่น 10 คนใน 45 นาทีแรกของอุรุกวัยทำให้ไม่ได้อาจต้านทานฟอร์มอันยอดเยี่ยมของเดนมาร์กเอ ลเจอร์กดคนเดียว 3 ประตูพร้อมโอลเซน,โซเรน เลอร์บีและเลาดรู๊ป คนละ 1 ประตู
โดยเฉพาะประตูของเลาดรู๊ป ถือเป็นประตูแห่งคุณภาพที่จะต้องจดจำด้วยการลากเดี่ยวเข้าไปยิงประตู หลังจากนั้นยังตอกย้ำความเยี่ยมยอดด้วยการอัดเยอรมัน 2-0 ผ่านเข้ารอบเป็น 1 ของสายก่อนสิ้นสุดเส้นทางในรอบ 16 ทีมโดยสเปนถล่ม 5-1
- แคเมอรูน ชนะ อาร์เจนตินา 1-0 (อิตาลี 1990)
เป็นนัดเปิดสนามฟุตบอลโลก 1990 แชมป์เก่านำโดยดี เอโก มาราโดนา เจอกับสมัยน้อย แคเมอรูน ที่ภายหลังเสร็จสิ้นการแข่งขันได้กลายเป็นแจ๊คผู้ฆ่ายักษ์อย่างไม่มีใครคาด คิด
แม้ว่าจะสร้างความประทับใจในฟุตบอลโลก 8 ปีก่อนที่สเปน แค่แคเมอรูนก็เป็นที่รู้จักน้อยมากเล่นด้วยการผสมผสานระหว่างพรสวรรค์กับ ความแข็งแกร่งของร่างกายและช็อค แชมป์เก่า ในนาทีที่ 67 จากลูกโหม่งของอันเดร คานา บีนิค
บียิค โดนใบแดง 6 นาทีต่อมาหลังจากยิงประตู แต่อาร์เจนตินาก็ไม่สามารถยิงประตูเสมอได้สำเร็จ แคเมอรูนทำให้โลกได้รู้จักไปทั่วและผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นทีมที่สองของแอฟริกาใต้ ก่อนแพ้จุดโทษให้กับอังกฤษ 2-3 หลังจาก 120 นาทีเสมอกัน 2-2
- ซาอุดิอาระเบีย เฉือน เบลเยียม 1-0 (สหรัฐ 1994)
ท่ามกลางแสงแดดในช่วงบ่ายที่วอชิงตัน เป็นการเล่นนัดสุดท้ายของกลุ่ม ซาอุดิอาระเบียต้องการชัยชนะเพื่อผ่านเข้า 16 ทีม ขณะที่เบลเยี่ยมขอแค่เสมอ
ซาอิด อัล โอวายรัน ทำประตูที่ไม่ยอมให้ใครลืมเลือน
โอวายรัน ได้บอลใกล้เขตโทษของตัวเองลากเลื้อยจากแดนตัวเองผ่านเส้นครึ่งสนามและผ่าน 5 ผู้เล่นเบลเยี่ยมเข้าไปยิงผ่านมิเชล พรูดอมม์ ยอดนายทวารของเบลเยียมให้ ซาอุดิอาระเบียชนะ 1-0 กลายเป็นทีมแรกของเอเชียตะวันตกที่ผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 16 ที ทีม
ความสำเร็จของซาอุดิอาระเบียช่วยให้ทีมจากทวีปเอเชียได้โควต้าเล่น รอบสุดท้ายเพิ่มจาก 2 เป็น 4 ทีมในฟุตบอลโลก ค.ศ.1998 ที่ฝรั่งเศส
- เกาหลีใต้ ต่อเวลาชนะ อิตาลี 2-1 (เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น 2002)
เป็นหนังชีวิตของฟุตบอลโลก เกาหลีใต้ เจ้าภาพทำสถิติเป็นทีมจากเอเชียทีมแรกที่ผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมเจอกับศึกหนักอิตาลี คริสเตียน วิเอรี่ ทำประตูให้อิตาลีนำ 1-0และทำท่าจะคว้าชัยชนะผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ แต่ก่อนหมดเวลา 2 นาที โซล คี ยอง ช็อคโลกด้วยการตีเสมอเป็น 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษหาผู้ชนะ
ในช่วงต่อเวลาขณะที่ทุกคนคิดว่าจะต้องยิงจุดโทษตัดสินอัน จุง วาน หัวหอกรูปร่างก็ทำโกลเด้น โกล ด้วยการโขกประตูชัยก่อนหมดเวลา 3 นาที ให้เกาหลีใต้ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศแบบโลกตะลึง