Author Topic: ทีมชาติเซอร์เบีย ในฟุตบอลโลก 2010  (Read 8568 times)

Liverpool

  • Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • Posts: 673
    • View Profile


ประวัติทีม

เซอร์เบีย เล่นบอลโลกรอบสุดท้ายในฐานะตัวสอดแทรก ผู้รอคอยจังหวะดีๆ ในการเบียดเข้าไปคว้าแชมป์ครั้งแรกให้ได้ หลังจากแยกตัวออกมาจากประเทศยูโกสลาเวีย(มีประเทศแยกตัวมาจากยูโกสลาเวีย 2 ประเทศ คือ ประเทศเซอร์เบีย กับ ประเทศมอนเตเนโกร), ในปี 2006 ซึ่งทีมชาติ”อินทรีขาว” ประเดิมศึกระดับชาติครั้งแรก โดยการบุกไปถล่มทีมสาธารณรัฐเชกถึง 3-1 และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของความยิ่งใหญ่ ของทีมชาติเซอร์เบีย ในปัจจุบัน

เซอร์เบีย เล่นรอบคัดเลือกโซนยุโรป โดยอยู่ในสายที่ค่อนข้างหิน เพราะต้องเจอกับทีมอย่าง ฝรั่งเศส, โรมเนีย รวมถึงออสเตรีย ซึ่งไม่ว่าใคร ก็น่าจะยกให้ทีม ฝรั่งเศส ต้องเป็นเต็งหนึ่งในการคว้าแชมป์กลุ่ม อย่างไม่ต้องสงสัย แต่มันก็ไม่ได้ง่ายอย่างนั้น เพราะทีม”ตราไก่” ดันบุกไปโดนออสเตรีย ยิงชนะ 3-1 นั่นทำให้หนทางการลุ้นแชมป์กลุ่มของทีมอื่นๆ เริ่มสดใสขึ้นในทันที สำหรับทีมเซอร์เบียเองนั้น นัดแรกชนะหมู่เกาะแฟโรไป 2-0 แต่ในนัดที่ 2 พวกเขาก็แพ้ทีมเต็งแชมป์กลุ่มไป 1-2 แต่หลังจากนั้น ความแน่นอนของสองทีมผู้แย่งแชมป์กลุ่มก็ออกผลอย่างชัดเจน เมื่อเซฮร์เบีย แข่งเสมอเพียงแค่นัดเดียวเท่านั้น ซึ่งก็เป็นการเปิดบ้านเจอกับทีมที่องค์ประกอบรวมเหนือกว่าอย่าง ฝรั่งเศสนั่นแหละ ส่วนทีมฝรั่งเศสนั้น แม้จะแพ้แค่นัดเดียว (เซอร์เบียแพ้ไป 2) แต่ก็เสมอไปถึง 3 นัด ทำให้เก็บชัยชนะได้เพียง 6 นัด มี 21 คะแนน ไม่เพียงพอที่จะแย่งแชมป์กลุ่มไปจากเงื้อมมือของ เซอร์เบียจอมราชัน ที่ชนะไปทั้งหมด 7 นัด มี 22 แต้ม เข้าที่หนึ่งไปอย่างง่ายดาย

ดาวดังประจำทีม


Nemanja Vidic >> Defender

สโมสรปัจจุบัน : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด


Milos Krasic  >> Midfielder

สโมสรปัจจุบัน : ซีเอสเคเอ มอสโก


Milan Jovanovic  >> Forward

สโมสรปัจจุบัน : สตองดาร์ด ลีแอช

โค้ช

ราโดเมียร์ แอนติค ( Radomir Antic



ราโดเมียร์ แอนติค ผู้กุมบังเหียนทีมชาติเซอร์เบียในปัจจุบัน ผู้ที่เกือบชั่วชีวิตของเขาคุมสโมสรอยู่ประเทศสเปนทั้งนั้น แต่ถ้านับย้อนไปในสมัยยังเป็นผู้เล่น ทีมที่เขาแจ้งเกิด และเป็นทีมที่ได้ลงเล่นมากที่สุดนั่นคือ ปาติซาน เบลเกรด แต่ทีมที่เขาแขวนสตั๊ดด้วยนั้น ก็คือทีมที่มีอดีตอันรุ่งโรจน์ของเกาะอังกฤษ นั่นคือ ลูตัน ทาวน์

หลังจากแขวนสตั๊ด 4 ปีให้หลัง ซึ่งก็คือปี 1988 เขาก็ได้คุมทีม เรอัล ซาราโกซ่า ที่เขาเคยเล่นสมัยเป็นนักเตะ เมื่อปี 1978-1980 โดยคุมได้สองฤดูกาล แม้จะไม่ได้แชมป์อะไร แต่การทำทีมของเขา ก็เป็นที่ประทับใจของทีม “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด จนกระทั่งเรียกตัวเขาไปคุมทีม หลังจากนั้นก็ได้คุม เรอัล โอเบียโด้ ทีมที่ค่อนข้างโนเนม แต่จากการคุมทีมนี้ ในที่สุด เขาก็ได้กลับมาคุมทีมชั้นนำอีกครั้ง โดยเป็นทีม “ตราหมี” แอตฯ มาดริด ที่ดึงตัวเขามาคุมทัพ ซึ่งในปี 1995 ซึ่งเป็นฤดูกาลแรกที่เขาคุมทีม เขาก็นำทีมตราหมีผงาดลา ลีกาทันที ด้วยการคว้าดับเบิลแชมป์ ลา ลีกา และ โกปา เดล เรย์ มาครอบครอง หลังจากนี้ก็ได้เปลี่ยนทีมอีก 3 ครั้ง แต่ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจนัก จนมาถึงปี 2008 หลังจากที่โค้ชมิโรสลาฟ ดูคิช ที่เพิ่งเข้ามาคุมทีมได้ไม่นานเพียง 5 นัดเท่านั้น แต่ทีมโชว์ฟอร์มได้ต่ำกว่ามาตรฐาน ทำให้ต้องโดนตะเพิดก่อนวัยอันควร และเป็นที่มาของเขา ราโดเมียร์ แอนติค ที่ได้รับการแต่งตั้งมาคุมทีม จนสามารถผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้ในปัจจุบัน

ฟุตบอลโลก ที่ผ่านมา

* เซอร์เบีย ผ่านเข้ามาเล่นบอลโลกรอบสุดท้าย เป็นครั้งแรก (ไม่นับสมัยที่เป็นยูโกสลาเวีย)

* ถ้าตอนที่ยังเป็นยูโกฯ เข้าร่วมรอบสุดท้ายมา 9 ครั้งแล้ว และในสมัยที่ยังเป็นประเทศ เซอร์เบีย แอนด์ มอนเตเนโกร เคยเข้าร่วมรอบสุดท้ายอยู่ครั้งหนึ่ง เมื่อปี 2006 ที่ประเทศเยอรมนี

 [onion-a06]