Author Topic: ประวัติ คริสเตียโน่ โรนัลโด  (Read 9169 times)

Liverpool

  • Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • Posts: 673
    • View Profile

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดอส ซานโต๊ส อเวโร่ หรือที่เรารูจักกันในนาม คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ปี 1985 ที่เมืองฟันชัล มาเดร่า ประเทศโปรตุเกส โดยครอบครัวของเขาอาศัยอยู่ที่ควินตา โด ฟาชาล เมืองซานโต อันโตนิโอ ซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากรยากจนอาศัยอยู่มาก โรนัลโด้ เริ่มเล่นฟุตบอลบริเวณตามถนนที่นี่ ก่อนที่ พรสวรรค์ที่เต็มเปี่ยม บวกกับทักษะ และความสามารถเฉพาะตัวที่ยอดเยี่ยม สามารถเล่นได้ทั้งปีกขวา และปีกซ้าย จะฉายแวว และสร้างชื่อให้ โรนัลโด้  ได้รับการยกย่องให้ เป็นหนึ่งในนักเตะที่เก่งที่สุดในโลกในปัจจุบันนี้

อาชีพนักฟุตบอล

1993-2001 : เริ่มต้นอาชีพกับทีมเยาวชน

โรนัลโด้ เริ่มเล่นฟุตบอลในขณะที่อายุเพียง 3 ปีเท่านั้น ก่อนที่จะเริ่มต้นเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังในทีมชุดใหญ่ของ ทีม Andorinha เมื่อตอนเขาอายุ 6 ขวบ จากการชักชวนของญาติเขาที่อยู่ในทีมนี้ และยังเป็นทีมที่บิดาของเขาทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลชุดแข่งอีกด้วย พอถึงปี 1995 โรนัลโด้ ตัดสินใจย้ายไปอยู่กับทีม Nacional โดยมีการจ่ายค่าตัวเป็นชุดฟุตบอลและลูกบอล หลังจากช่วย นาซิอองนาล คว้าแชมป์ระดับเยาวชนได้ โรนัลโด้ ในอายุ 12 ปี ก็ได้รับความสนใจจากสโมสรใหญ่ ๆ ของโปรตุเกสมากมาย แต่สุดท้าย โรนัลโด้ เลือกค้าแข้งกับ สปอร์ติง ลิสบอน ทีมโปรดของตัวเอง ในที่สุด


2001-2003 : สปอร์ติ้ง ลิสบอน

โรนัลโด้ เริ่มอาชีพค้าแข้งกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน เมื่อปี 1997 ในทีมระดับเยาวชน ก่อนที่เขาจะค่อยๆ ก้าวขึ้นสู่ชุดใหญ่ได้สำเร็จ  ในปี 2001 ภายหลัง พัฒนาฝีเท้าขึ้นจาก ทีมยู-16, ยู-17, ยู-18 และ ทีมชุดบี ตามลำดับ และเมื่อ อายุ 17 ปี โรนัลโด้ ได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ของ สปอร์ติ้ง เป็นครั้งแรก และยิง 2 ประตู ในเกมที่พบกับ โมไรเรนส์ และเขาก็ยังก้าวไปติดทีมชาติโปรตุเกสชุดอายุต่ำกว่า 17 ปีในศึกชิงแชมป์ยุโรป อีกด้วย

หลังจากโชว์ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรป ยู-17 ชื่อของโรนัลโด้ ก็กลายเป็นที่รู้จักในนามของดาวรุ่งพุ่งแรงของวงการฟุตบอลโปรตุเกส ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์, ทักษะ และความสามารถเฉพาะตัวที่ยอดเยี่ยม โดย เขาได้รับความสนใจจากหลายทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรป โดยเฉพาะ ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีม เชราร์ด อุลลิเย่ร์ ที่ติดตามฝีเท้าของ โรนัลโด้ มาตั้งแต่ขณะที่เขามีอายุ 16 ปี แต่ก็มีอันล้มเลิก โดยให้เหตุผลว่า โรนัลโด้ ยังเด็กเกินไป และจำเป็นต้องใช้เวลาอีกซักระยะกว่าจะพัฒนาฝีเท้าเป็นนักฟุตบอลชั้นนำได้

อย่างไรก็ดี ฝีเท้าของเขามาเตะตา เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมแมเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงที่พา "ปีศาจแดง" ไปลงเตะอุ่นเครื่องกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ในช่วงก่อนเปิดฤดูกาล 2003/2004 ซึ่งนักเตะของ "ปีศาจแดง" โดนโรนัลโด้ ใช้ทักษะอันยอดเยี่ยม สร้างความปั่นป่วนให้ทั้งเกมการแข่งขัน และช่วยให้ สปอร์ติ้ง เอาชนะ ยอดทีมจากเกาะอังกฤษ ไปได้ 3-1 จนนำมาสู่การจัดการซื้อตัว โรนัลโด้ มาสู่ โอลด์ แทร๊ฟฟอร์ด ด้วยค่าตัว 12.24 ล้านปอนด์ (771 ล้านบาท) เพื่อมาเป็นตัวตายตัวแทนของ เดวิด เบ็คแฮม ที่ย้ายไปร่วมทีมรีล มาดริด


2003-2009: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

2003-2005: แจ้งเกิดได้อย่างงดงาม

นับตั้งแต่ที่ โรนัลโด้ ย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาก็ได้รับทั้งคำชื่นชมอย่างมากมายในเรื่องทักษะ ความสามารถส่วนตัวของเขา  โดยในฤดูกาล 2003-2004 ซึ่งเป็นฤดูกาลแรกของ โรนัลโด้ เขาต้องพบกับความกดดัน  ในการเข้ามารับตำแหน่งหมายเลข 7 ของทีมต่อจาก เบ็คแฮม และบรรดานักเตะระดับตำนานของ "ปีศาจแดง" ที่เคยใช้เบอร์นี้ในสีเสื้อ ยูไนเต็ด ไม่ว่าจะเป็น เอริค คันโตน่า, จอร์จ เบสต์ หรือ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ท่ามกลางความคาดหวังอย่างมากจากแฟนบอล จนทำให้เขาเคยไปขอเปลี่ยนเบอร์เสื้อจากหมายเลข 7 กลับไปเป็นหมายเลข 28 ที่เขาเคยใส่ในสมัยที่อยู่กับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน แต่ก็ถูกทางสโมสร ปฏิเสธ เพราะเชื่อว่า โรนัลโด้ เหมาะสมกับการสืบทอดตำนานหมายเลข 7 ของ "ปีศาจแดง" ต่อไป

โรนัลโด้  ลงสนามให้ทีม”ปีศาจแดง” ครั้งแรกในเกมทีมถล่ม โบลตัน วันเดอเรอร์ส โดยเขาถูกเปลี่ยนเป็นตัวสำรองลงสนามในนาทีที่ 60 ของเกม และใช้เวลาไม่นานนักในการปรับตัวให้เข้ากับพรีเมียร์ชิพ และผลงาน 8 ประตู จากการลงสนาม 39 นัด ซึ่งรวมถึงประตูแรกของเขา ในรอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ ที่เอาชนะ มิลล์วอลล์ 3-0 ที่มิลเลเนี่ยม สเตเดี้ยม ก็ทำให้เขาได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Sir Matt Busby Player of the Year) ประจำฤดูกาล 2003/04

ในฤดูกาลที่ 2 ของโรนัลโด้กับ ยูไนเต็ด โรนัลโด้ โชว์ฟอร์มไม่ดีเท่ากับปีแรก หลังจากที่จบฤดูกาลด้วยการลงสนาม 50 นัด แต่ทำได้แค่ 9 ประตู ซึ่งในปีนี้ เองที่ โรนัลโด้ โดนวิจารณ์ถึงสไตล์การเล่นที่ชอบโชว์ทักษะการเลี้ยงบอลผ่านคู่ต่อสู้ จนบางครั้งกลายเป็นการเล่นแบบไม่เป็นทีมเวิร์ค  อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาล 2005/06 โรนัลโด้ ก็เรียกฟอร์มเก่งของตัวเองมาได้อีกครั้งในช่วงครึ่งซีซั่นหลัง ด้วยการทำ 12 ประตู จากการลงสนาม 47 นัด และยังเป็นผู้ทำประตูที่ 1,000 ของ "ปีศาจแดง" ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่แพ้ มิดเดิ้ลสโบรช์ 1-4

อย่างไรก็ตาม โรนัลโด้ ก็ยังพา "ปีศาจแดง" เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลคาร์ลิ่ง ลีก คัพ กับ วีแกน ได้สำเร็จ ซึ่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เอาชนะไปได้ โดยที่เขาทำประตูได้อีกด้วย ส่งผลให้ เขา คว้ารางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของฟิฟโปร (FIFPro Special Young Player of the Year 2005) ซึ่งเป็นรางวัลเดียวที่ให้แฟนๆ เป็นผู้ลงคะแนนโหวตตัดสินไปครอง และในปีเดียวกันเขาก็ได้อันดับที่ 20 ในตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่าด้วย

ในปี 2006  โรนัลโด้ กับ รุด ฟาน นิสเตลรอย กองหน้าเพื่อนร่วมทีม "ปีศาจแดง" มีเรื่องทะเลาะกันในสนามซ้อมคาร์ริงตัน โร้ด ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่บ่อยครั้ง ทำให้เคยมีข่าวลือว่า โรนัลโด้ จะโดนขายไปให้กับ ยูเวนตุส ทีมยักษ์ใหญ่ของอิตาลี ด้วยค่าตัว 20 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,260 ล้านบาท) แต่นั่นก็เป็นแค่ข่าวลือ ก่อนที่ โรนัลโด้ จะต่อสัญญากับทีมออกไปจนถึงปี 2010

2006-2007 : คว้านักเตะยอดเยี่ยมของเกาะอังกฤษ

แม้ว่า หลังศึกฟุตบอลโลก 2006 ที่ประเทศ เยอรมัน โรนัลโด้ ถูกแฟนบอลอังกฤษรุมโห่ไล่หลังจากที่มีส่วนทำให้ เวย์น รูนี่ย์ เพื่อนร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องถูกไล่ออกในเกมที่อังกฤษพบกับโปรตุเกส โรนัลโด้ถูกสื่อในอังกฤษกดดันและต่อว่า อย่างไรก็ดี โรนัลโด้ยังคงเล่นให้กับทีม “ปีศาจแดง” ต่อไป และเขาก็พาทีมออกสตาร์ตฤดูกาล 2006-2007 ได้อย่างสวยหรู ด้วยการถล่ม ฟูแล่ม ไปถึง 5-1 หลังจากนั้น โรนัลโด้ ก็เป็นหนึ่งในนักเตะที่มีอิทธิพลต่อทีมยูไนเต็ดมากที่สุด หลังจากซัดไป 6 ประตู จากการลงสนาม 3 นัด ซึ่งส่งผลให้เขาทำประตูรวมไปแล้ว 12 ลูก ก่อนที่จะมายิงเพิ่มได้อีก 2 ลูกในเกม ที่พบกับ วีแกน

ในเดือน ธันวาคม โรนัลโด้ คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือน ไปครอง  ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน ส่งผลให้เขากลายเป็นผู้แล่นคนที่สามที่ทำเช่นนี้ ได้ ต่อจาก เดนนิส เบิร์กแคมป์ (อาร์เซน่อล, 1997) และ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ (ลิเวอร์พูล, 1996) ตามลำดับ และโรนัลโด้ ก็มายิงประตูที่ 50 ในสีเสื้อ “เร้ดเดวิลส์” ได้สำเร็จ ในเกมที่พบกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พร้อมกับช่วยให้ต้นสังกัดกลับมาคว้าแชมป์พรีเมียร์ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี

ในเดือน เมษายน 2007 โรนัลโด้ ตกเป็นข่าวว่า กำลังถูก เรอัล มาดริด ให้ความสนใจคว้าตัวไปร่วมทีม  โดยทีมยักษ์ใหญ่จากศึกลาลีกา สเปน ยินดีควักกระเป๋า 54 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,402 ล้านบาท) เพื่อเป็นค่าตัวของโรนัดด้ อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 13 เมษายน โรนัลโด้ ก็ต่อสัญญาฉบับใหม่กับทีมออกไปอีก 5 ปี พร้อมกับรับค่าเหนื่อยสูงสุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร ที่ 120,000 แสนปอนด์ (ประมาณ 7.56 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์ 

นอกจากนี้ โรนัลโด้ ยังคว้ารางวัลให้กับตนเองมากมายในฤดูกาล 2006-20007 ไม่ว่าจะเป็น นักฟุตบอลยอดเยี่ยมและนักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปี ของสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) (เป็นผู้เล่นรายที่ 2 ในประวัติศาสตร์ ที่สามารถคว้ารางวัลเกียรติยศทั้งสองมาครอบครองในเวลาเดียวกัน  ต่อจาก แอนดี้ เกรย์ เคยทำได้เมื่อปี 1977 หรือ ราว 30 ปี) รวมถึงมีชื่อติดหนึ่งในทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล ร่วมกับเพื่อนทีม ยูไนเต็อีก 7 คน จากการโหวดของแฟนบอลทั่วสหราชอาณาจักร ยิ่งไปกว่านั้น โรนัลโด้ ยังได้รับรางวัลนักฟุตบอลโปรตุเกสยอดเยี่ยมแห่งปี, รางวัลจากสมาคมนักข่าวกีฬาอังกฤษ, นักเตะยอดเยี่ยมของสโสมสรและของแฟนบอลยูไนเต็ด อีกด้วย

2007-2008 : พาทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์

โรนัลโด้ ออกสตาร์ตฤดูกาลนี้ได้อย่างย่ำแย่ หลังโดนไล่ออกในเกมที่พบกับ พอร์ทสมัธ ก่อนที่จะกลับมายิงประตูให้ทีมเอาชนะ สปอร์ติ้ง ลิสบอน อดีตต้นสังกัดเดิม ได้สำเร็จ ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม หลังจากนั้น ประตูจากปลายสตั๊ดของ โรนัลโด้ ก็ไหลมาเทมาอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งในยุโรป บอลลีก หรือ บอลถ้วย ส่งผลให้ทีม “ปีศาจแดง” ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดช่วงครึ่งฤดูกาลแรก

ในวันที่ 2 ธันวาคม โรนัลโด้ ได้รับการประกาศให้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของยุโรปเป็นอันดับ 2 รองจาก ริคาร์โด้ กาก้า เพลย์เมกเกอร์จอมทัพของ เอซี มิลาน ก่อนที่ถัดมาอีก 2 สัปดาห์ โรนัลโด้ ก็ถูกประกาศให้คว้ารางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลกอันดับ 3 รองจาก กาก้า อันดับ 1 และ ลีโอเนล เมสซี่  อันดับ 2 ตามลำดับ

โรนัลโด้ ยังคงโชว์ฟอร์มให้กับ ยูไนเต็ด ได้อย่างร้อนแรงต่อไป และเขาก็สามารถทำแฮตทริกแรกของเขากับ ยูเนเต็ด ได้ ในเกมที่ถล่ม นิวคาสเซิ่ล 6-0 ที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ ในวันที่ 12 มกราคม 2008  และเป็นผลการแข่งขันที่ทำให้ ยูไนเต็ด ก้าวขั้นมาครองอันดับ 1 ของตารางพรีเมียร์ชิพได้สำเร็จ  ขณะที่ฟอร์มการผลิตประตูของ โรนัลโด้ ก็ยังทำงานอย่างต่อเนื่องแบบไม่มีตก โดยตอนนี้ เขายิงประตูให้ทีมรวมไปแล้ว 23 ประตู เทียบเท่ากับ ในซีซั่นก่อน ก่อนที่ในที่สุด ในวันที่ 19 มีนาคม 2008  โรนัลโด้ จะสร้างสถิติเป็นนักเตะตำแหน่งมิดฟิลด์ที่ทำประตูได้มากที่สุดในหนึ่งฤดูกาล โดยทำลายสถิติเดิมของ จอร์จ เบสต์ อดีตดาวเตะระดับตำนานของ “ปีศาจแดง” ที่เคยทำไว้ที่ 32 ประตู ในระหว่างปี 1967-68

โรนัลโด้ ถูก เรอัล มาดริด ให้ความสนใจอีกครั้ง โดยคราวนี้ ทีม “ราชันชุดขาว” ประกาศพร้อมทุ่ม 100 ล้านปอนด์ (6,300 ล้านบาท) เพื่อคว้าตัว โรนัลโด้ ไปร่วมทีม แต่ทว่า ก็โดน ยูไนเต็ด ปฏิเสธหน้าหงายไปอย่างไม่ใยดี และในวันที่ 10 พฤษภาคม 2008 โรนัลโด้ สามารถยิงประตูสำคัญในเกมนัดสุดท้าย ที่พบกับ วีแกน ให้ทีมออกนำไปได้ 1-0 จากลูกจุดโทษ ซึ่งถือเป็นประตูรวมที่ 41 และประตูที่ 31 ในศึกพรีเมียร์ชิพ ของเขาแล้วในซีซั่นนี้ ก่อนที่จะมาบวกเพิ่มให้กับตนเองได้อีกหนึ่งลูกในนัดชิงชนะเลิศ ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่เอาชนะ เชลซี มาได้ ด้วยการดวลจุดโทษ 6-5 ซึ่งถือเป็นถ้วยรางวัลใบทีสองของ ยูไนเต็ด หลังจาก ที่คว้าแชมป์ พรีเมียร์ชิพมาครองได้แล้ว ก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ โรนัลโด้ มีสถิติการยิงประตูเป็นรอง รุด ฟาน นิสเตลรอย ที่ทำไว้ในปี 2002-2003 อยู่เพียง 2 ลูกเท่านั้น อย่างไรก็ตาม นั่นก็เป็นผลงานที่ดีพอที่จะทำให้ โรนัลโด้ คว้ารางวัล รองเท้าทองคำประจำฤดูกาล 2007-2008 มาครองได้สำเร็จ 

ล่าสุด โรนัลโด้ ย้ายไปร่วมทีมเรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่เมืองสเปนแล้ว ด้วยค่าตัวสถิติโลก 80 ล้านปอนด์ รับค่าเหนื่อย 200,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์

ทีมชาติโปรตุเกส

สำหรับเส้นทางในทีมชาติโปรตุเกส โรนัลโด้ ติดทีมชาติเป็นครั้งแรก ในการเล่นให้ทีมชาติโปรตุเกส ชุดยู-17, ยู-18 และ ยู-21 ปี ตามลำดับ ก่อนที่จะก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ครั้งแรก ในนัดที่พบกับ คาซัคสถาน เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2003 รวมถึงยังได้ติดทีมแดนฝอยทอง ลงทำศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รอบสุดท้าย ปี 2004 ซึ่งประเทศบ้านเกิดของเขาเป็นเจ้าภาพเอง อีกด้วย และเขาก็สามารถทำประตูได้ในนัดเปิดสนามที่ โปรตุเกส แพ้ กรีซ 1-2

อย่างไรก็ตาม ทีมเจ้าภาพก็ยังดิ้นรนผ่านเข้ารอบต่อไปจนได้ จนมาถึงในรอบรองชนะเลิศ โปรตุเกส ต้องเจอกับ ฮอลแลนด์ ซึ่งพวกเขาก็สามารถเอาชนะไปได้ 2-1 โดยที่ โรนัลโด้ เป็นผู้ยิงประตูแรกให้กับทีมเจ้าถิ่น ทำให้ โปรตุเกส ได้ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศ พบกับ กรีซ อีกครั้ง และทีมเจ้าถิ่นก็ถูก กรีซ ยัดเยียดความปราชัยให้อีกครั้ง ชวดแชมป์ไปแบบพลิกความคาดหมาย

นอกจากทีมชาติชุดใหญ่แล้ว โรนัลโด้ ยังลงเล่นให้กับทีมชาติโปรตุเกสชุดโอลิมปิก 2004 อีกด้วย โดยตอนนี้เขาลงสนามให้กับทีมชาติไป 24 นัด ทำได้ 10 ประตู โดยในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก โซนยุโรป เขายิงได้ถึง 7 ประตู เป็นรองดาวซัลโวของโซนนี้ รองจาก เปโดร เปาเลต้า กองหน้าทีมเดียวกัน และโรนัลโด้ ก็ยิงประตูแรกในเกมฟุตบอลโลก 2006 ที่ประเทศ เยอรมัน ได้ในเกมที่พบกับ อิหร่าน ในรอบแบ่งกลุ่ม และมีส่วนสำคัญพาทีมสู่รอบรองชนะเลิศ ได้สำเร็จ ก่อนที่ทีมชาติ โปรตุเกส จะจอดป้ายแค่เพียงรอบนี้ เท่านั้น

เข้าสู่การแข่งขันในทัวร์นาเม้นต์ ฟุตบอลยูโร 2008 รอบคัดเลือก โรนัลโด้ มีเป็นผู้เล่นกำลังสำคัญที่ผ่านทีมผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย ที่ประเทศ ออสเตรีย และ สวิตเซอร์แลนด์ ได้สำเร็จ โดยเขายิงไปทั้งสิ้น 8 ลูก รวมถึงทำได้ 1 ประตู และจ่าย 1 ประตู ในเกมรอบสุดท้าย ในรอบแบ่งกลุ่ม ที่ทีมเอาชนะ  สาธารณรัฐเช็ก มาได้อย่างสวยงาม 3-1 พร้อมกับพาทีมเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศได้สำเร็จ ก่อนจะไปพ่ายให้กับเยอรมัน 1-2 ตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย

งานอื่น

ด้วยความสามารถและความโด่งดัง จึงมีเอเย่นต์สนใจเขามาเป็นพรีเซนเตอร์อยู่หลายชิ้น ภาพลักษณ์ของโรนัลโด้สร้างความสำเร็จให้กับการตลาดมหาศาล ไม่ว่าจะเป็น วิดีโอเกมต่าง ๆ ไปจนโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้ความหล่อเหลาของเขาก็ยังทำให้เขาได้รับการติดต่อจากนิตยสารแฟชั่นอีกด้วย นิตยสารโวกของอเมริกา นำเสนอเขาไปเป็นแบบปก และเขายังเป็นพรีเซนเตอร์ให้ผลิตภัณฑ์รองเท้ากีฬาอย่าง ไนกี้ โดยทางไนกี้เล็งเห็นว่าโรนัลโด้มีฝีเท้าที่เป็นนักเตะที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก จึงได้คุยกับโรนัลโด้เพื่อผลิตรองเท้าที่เบา พัฒนารองเท้า รองเท้ารุ่น Mercurial Vapor ออกมา


ชีวิตส่วนตัว

พ่อของโรนัลโด้เป็นผู้อำนวยการสโมสรฟุตบอลเล็ก ๆ ที่ชื่ออันโดนินญ่า และพ่อเขาขอให้กัปตันทีมที่ชื่อ Fernao Sousa เป็นพ่อทูนหัว ส่วนแม่ของเขามีอาชีพเป็นแม่ครัว โรนัลโด้ช่วยเหลือครอบครัวเป็นอย่างดี ช่วยพี่สาวคนโตเปิดร้านขายเสื้อผ้าที่มาเดร่า ส่วนพี่สาวอีกคน คาเทีย เป็นนักร้อง มีวงดนตรีชื่อ "Ronalda"

ที่มาของชื่อ โรนัลโด้ นั้น บิดาของเขาเป็นผู้ตั้งให้ โดยได้แรงบันดาลใจจากชื่อของ นายโรนัลด์ เรแกน อดีตประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบุคคลที่บิดาของ โรนัลโด้ ชื่นชอบ

ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008 มีการจัดอันดับตำแหน่งนักเตะรูปงามแห่งยูโร 2008 จัดทำโดยแอลจี บริษัทผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า คริสเตียโน่  โรนัลโด้ได้รับคะแนนโหวตครั้งนี้เป็นอันดับ 1

โรนัลโด้มีข่าวคบหากับ เจมม่า แอตกินสัน นักแสดงสาวชาวอังกฤษ จากละครดัง “โฮลลี่โอคส์” และหลังจากนั้นก็เลิกรากันไป และมีข่าวคบหากับเมอร์เช โรเมโร มานานกว่า 8 เดือน ก่อนที่เธอจะตัดสินใจเลิกรากันในเดือนตุลาคม เมื่อปี 2006 ต่อมาก็คบกับนางแบบชาวสเปน เนไรดา กัลยาร์โด

เกียรติยศที่ได้รับของ โรนัลโด้

ระดับสโมสร

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แชมป์พรีเมียร์ลีก: 2006-07, 2007-08, รองแชมป์: 2005-06
แชมป์เอฟเอคัพ: 2003-04, รองแชมปื: 2004-05, 2006-07
แชมป์ลีกคัพ: 2005-06
คอมมูนิตี้ ชีลด์: 2007
ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก: 2007-08

ทีมชาติโปรตุเกส
 
ยูโร แชมเปี้ยนชิพ : รอง: 2004
เวิร์ลดคัพ : อันดับ 4: 2006


ส่วนตัว

นักฟุตบอลอาชีพ
ผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปี จากการโหวตของนักเตะ: 2006-2007, 2007-2008
ผู้เล่นเยาวชนยอดเยี่ยมแห่งปี พีเอฟเอ: 2006-2007
ผู้เล่นแห่งปีของแฟนๆ: 2006-2007, 2007-2008
ติดทีมออฟเดอะเยียร์: 2005-2006, 2006-2007, 2007-2008
ผู้เล่นยอดเยี่ยมของแฟนๆประจำเดือน : ตุลาคม 2006, กุมภาพันธ์ 2007, พฤษจิกายน 2007, มกราคม 2008

พรีเมียร์ชิพอังกฤษ
นักเตะแห่งฤดูกาล: 2006-2007, 2007-2008
นักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือน: November 2006, December 2006, January 2008, March 2008
รองเท้าทองคำ: 2007-2008
เมริท อวอร์ด: 2007-2008
นักฟุตบอลแห่งปี: 2006-2007, 2007-2008

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
Manchester United Players' Player of the Year: 2006-2007, 2007-2008
Sir Matt Busby Player of the Year: 2003-2004, 2006-2007, 2007-2008
Manchester United Goal of the Season: 2005-2006, 2007-2008

โปรตุเกส
Portuguese Sports Personality of the Year: 2006
Portuguese Footballer of the Year: 2006-2007

ระดับยุโรป
UEFA Team of the Year: 2003-2004, 2006-2007
UEFA Champions League Top Scorer: 2007-2008
UEFA European Championship 2004: Team of the Tournament
European Golden Shoe - Soulier d'Or: 2007-2008
U-21 European Footballer of the Year - Bravo Award: 2004
European Footballer of the Year - Ballon d'Or:
2nd place: 2007
Onze d'Or
2nd place: 2007

ระดับโลก
FIFA World Player of the Year
3rd place: 2007
World Soccer Player of the Year
3rd place: 2007
FIFPro Special Young Player of the Year: 2004-2005, 2005-2006
FIFPro World XI: 2006-2007


 [Run]