ดิดิเยร์ ดร็อกบา หัวหอกตัวเก๋าสวมบทฮีโร่ตัวจริงซัดจุดโทษคนสุดท้ายช่วยให้ เชลซี เอาชนะจุดโทษ บาเยิร์น มิวนิค ไปได้ 4-3 หลังเสมอในเวลา 1-1 ส่งให้ "สิงห์บลูส์" คว้าแชมป์ยุโรปครั้งแรกในประวัติศาสตร์ในเกมนัดชิงชนะเลิศเมื่อคืนวันเสาร์ที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา ประตูแรกของเกมต้องจนถึงนาที 82 แฟน บาเยิร์น โทมัส มุลเลอร์ โหม่ลูกโยนโค้งจากเสาแรกของ ฟร้องค์ ริเบรี กดลงพื้นบอลกระดอนเสยคานเข้าไปชนิด เช็ก ลอยปัดไม่ทัน ส่งให้ทีมขึ้นนำ 1-0 เชลซี ไม่มีทางเลือกต้องเปิดเกมบุกและก็มาได้ประตูตีเสมอจากจังหวะโขกลูกเตะมุมของ ดิดิเยร์ ร็อกบา ในนาที 89 ไล่ตีเสมอเป็น 1-1 และหมด 90 นาทีไปด้วยสกอร์นี้ ทำให้ต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที แต่ทำอะไรกันไม่ได้ต้องตัดสินด้วยการดวลลูกที่จุดโทษ
ฆวน มาตา ของ เชลซี พลาดยิงไปติดเซฟของ มานูเอล นอยเออร์ ก่อน จากนั้นยิงเข้ากันหมดจนมาถึง คนที่ 4 ของ บาเยิร์น อิวิกา โอลิช ยิงไปติดเซฟของ ปีเตอร์ เช็ก บ้าง ขณะที่ แอชลีย์ โคล ยิงเข้าไป ไล่มาเป็น 3-3 กระทั่งคนสุดท้าย บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ยิงชนเสาออกมาก่อนจะเป็น ดร็อกบา คนสุดท้ายของ "สิงห์บลูส์" เป็นฮีโรซัดเข้าไปง่ายๆ ให้ เชลซี ชนะไป 4-3 เป็นแชมป์ยุโรปสมัยแรกของสโมสร
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
บาเยิร์น มิวนิค : มานูเอล นอยเออร์, อนาโตลี ทีโมชุค, เฌอโรม บัวเต็ง, ดีเอโก คอนเทนโต, ฟิลิปป์ ลาห์ม, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, โธมัส มุลเลอร์, ฟรองค์ ริเบรี, อาร์เยน ร็อบเบน, มาริโอ โกเมซ, โทนี โครส
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก, ดาวิด ลุยซ์, แกรี เคฮิลล์, แอชลีย์ โคล, โชเซ โบซิงวา, จอห์น โอบี มิเกล, ไรอัน เบิร์ตทรานด์, ซาโลมง กาลู, แฟรงค์ แลมพาร์ด, ฆวน มาตา, ดิดิเยร์ ดร็อกบา