ได้ทราบข่าวว่าเชลซีเปิดบ้านพ่ายแพ้ให้กับบาเซิ่ลในรอบแบ่งกลุ่มนัดแรกของแชมเปี้ยนส์ลีก และกลายเป็นความพ่ายแพ้ติดต่อกันเป็นนัดที่สอง ผมก็คิดว่านั่นคือสถานการณ์ที่ยากลำบากเข้าขั้นวิกฤติสำหรับทีมสิงห์บูล และโจเซ่ มูริญโญ่ ผู้จัดการทีมแล้ว แต่พอมาทราบข่าวเพิ่มเติมกลับพบว่าสถานการณ์มันหนักกว่าที่คิดเอาไว้ โดยข่าวเพิ่มเติมข่าวแรกที่ผมได้ทราบคือ หลังเกมพ่ายบาเซิ่ล ทางด้านโรมัน อับราโมวิช เจ้าของทีมเชลซีเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวของลูกทีม ซึ่งน่าจะเป็นพื้นที่สำหรับนักเตะ และผู้จัดการทีมเท่านั้น แล้วทำการจวกลูกทีมในเชิงสอบถามหาเหตุผลว่าทำไมถึงได้พ่ายแพ้ในเกมนั้น
ก็แน่นอนล่ะครับลงทุนไปซะเยอะขนาดนี้ทั้งค่าตัวนักเตะ ค่าเหนื่อยนักเตะ ค่าจ้างผู้จัดการทีมระดับแพงมหาศาลคงไม่ได้ต้องการมานั่งดูทีมตนเองพ่ายแพ้ติดต่อกัน ชนิดที่เรียกว่าแพ้แบบน่าหัวเสีย แพ้แบบไม่ควรแพ้อย่างนี้หรอกครับ แต่ก็นั่นแหละครับถ้ามองในแง่ดี จริงๆก็ควรจะปล่อยให้เป็นเรื่องของผู้จัดการทีม คือไว้หน้ากันบ้าง แต่เมื่อความเป็นจริงมันเป็นแบบนี้ ผมจึงเข้าใจว่านี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการแตกหักระหว่างเจ้าของทีมเชลซี และผู้จัดการทีมเชลซีก็เป็นได้ บางทีระยะเวลาในการอยู่คุมทีมเชลซีของมูริญโญ่ในคำรบที่สองนี้จึงอาจจะไม่ยาวนานเหมือนที่ใครหลายคนคิดเอาไว้ก็เป็นได้ นอกจากนี้ก็ยังมีข่าวจากสื่อต่างๆที่โจมตีการทำงานของมูริญโญ่ออกมาอีกมากมาย ทั้งเรื่องของการปล่อยตัวนักเตะอย่างรเมลู ลูกากูซึ่งเป็นนักเตะกองหน้าในแบบที่เชลซีต้องการไปให้เอฟเวอร์ตันยืมตัว
แล้วทำให้ทีมเชลซีปัจจุบันไม่มีนักเตะกองหน้าที่พอจะจบสกอร์มให้ทีมได้ และการไปดร็อปฮวน มาต้า ไม่ให้ลงเป็นตัวจริง ก็เลยทำให้เกมรุกของเชลซีไร้ประสิทธิภาพ แถมอีกเรื่องที่น่ากล่าวถึงมากๆก็คือซามูเอล เอโต้ที่อดีตแบ็กซ้ายระดับบตำนานอย่างโรแบร์ คาร์ลอส เคยออกมาเตือนมูริญโญ่ไว้ เวลานี้ดูเหมือนคำเตือนนั้นจะเป็นจริงซะแล้ว เพราะสื่อวิจารณ์หนักมากว่า ซื้อมาไม่มีอะไรเลย ไม่คุ้มเลย แถมยังเล่นแบบขี้เกียจไร้แรงบันดาลใจ ไร้ความจูงใจในการเล่น งานนี้จึงอยู่ที่มูริญโญ่แล้วล่ะว่าเวลาต่อจากนี้จะแก้ปัญหาทั้งหมดทั้งมวลนี้อย่างไรให้หมดสิ้นไปโดยเร็วที่สุด เพราะไม่งั้นมีหวังได้โบกมือลาสแตมฟอร์ดบริดจ์เร็วเกินที่ใครๆก็ไม่คาดคิดเอาไว้เป็นแน่