หลังผ่านพ้นช่วงพักเบรกทีมชาติไปแล้ว สัปดาห์นี้ฟุตบอลลีกยุโรปก็หวนกลับมาทำการแข่งขันกันต่อ โดยที่สองลีกใหญ่ๆอย่างบุนเดสลีกาของเยอรมัน และพรีเมียร์ลีกของอังกฤษนั้นมีสองบิ๊กแมทที่เรียกว่าดึงความสนใจจำนวนมากจากแฟนบอลให้ได้ติดตามกัน ซึ่งของบุนเดสลีกานั้นจริงๆจะว่าไปเราอาจจะต้องเรียกว่าเป็นซุปเปอร์บิ๊กแมทเลยด้วยซ้ำครับ เนื่องจากเป็นการโคจรมาพบกันของสองทีมที่ดีที่สุดของเยอรมันเวลานี้ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์-บาเยิร์น มิวนิค ส่วนฝั่งพรีเมียร์ลีกนั้นถึงจริงๆจะเรียกกันว่าดาบี้แมท ซึ่งเป็นเกมระหว่างสองทีมร่วมเมืองลิเวอร์พูล เอฟเวอร์ตัน-ลิเวอร์พูล
แต่ทว่าพูดถึงความดุเดือดเข้มข้นของเกมนี้แล้วต้องบอกว่าไม่แพ้บิ๊กแมทไหนๆเลย อย่างไรก็ตามเมื่อสองเกมบิ๊กแมทของยุโรปประจำสุดสัปดาห์ (วันเสาร์) ของฟุตบอลยุโรปที่หวนกลับมาเตะกันแมทแรกหลังลีกทางให้เกมทีมชาติจบลงนั้น เราได้บทสรุปที่แตกต่างกัน นั่นคือการที่ฝั่งอังกฤษจบลงด้วยการไม่มีผู้แพ้ ไม่มีผู้ชนะ เอฟเวอร์ตัน ลิเวอร์พูลแบ่งกันไปทีมละ 1 คะแนนจากรูปเกมและสกอร์ที่ต้องบอกว่าคุ้มค่าตั๋วของแฟนบอลทั้งสองทีมมากๆ ทั้งนี้เกมจบลงที่สกอร์ 3-3 ช่วงเริ่มเกมลิเวอร์พูลออกนำอย่างรวดเร็วตั้งแต่ประมาณนาทีที่ 4 จากการยิงของฟิลิปเป้ คูติญโญ่ จากนั้นไม่นานเอฟเวอร์ตันก็มาตามตีเสมอจากทางด้านเควิน มิรัลลาส แต่ถึงกระนั้นก็เป็นลิเวอร์พูลมาแซงขึ้นนำอีกครั้งจากลูกยิงฟรีคิกอันสุดสวยของหลุยส์ ซัวเรซ
แล้วก็จบครึ่งเวลาแรกไปด้วยสกอร์ 1-2 เปิดฉากครึ่งหลังมาเอฟเวอร์ตันบี้หนักจนมาได้ประตูตีเสมอได้สำเร็จจากลูกากู พอได้ประตูตีเสมอก็เหมือนบอลได้ใจลูกากูมาซัดประตูที่สองของตนเองและเป็นประตูที่ 3 ให้ทีมพลิกมานำลิเวอร์พูล 3-2 ก่อนจะมาลงเอยด้วยประตูโหม่งตีเสมอของดาเนียล สเตอร์ริดจ์ หัวหอกที่ลงมาเป็นตัวสำรองในเกมนี้ ส่วนเกมบิ๊กแมทฝั่งเยอรมันจบลงด้วยคราบน้ำตาของแฟนบอลเสือเหลืองเมื่อต้องพ่ายแพ้คาบ้านให้กับทางด้านเสือใต้ไปแบบหมดรูป 0-2 (เสือใต้ได้ประตูจากเกิทเซ่นาทีที่ 66 ร็อบเบนนาทีที่ 85) แถมส่งผลให้ความพ่ายแพ้นัดนี้เป็นนัดที่สามติดต่อกันแล้ว อีกทั้งยังเสมือนการส่งแชมป์ให้เสือใต้ไปครึ่งใบแล้ว เพราะแต้มนั้นถูกทิ้งห่างเพิ่มขึ้นไปอีกสามแต้ม