สนาม : เวมบลีย์
นี่คือนัดชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ หนที่ 130
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เข้าชิงถ้วยได้เป็นครั้งที่ 9 ในอายุสโมสร 130 ปี
สโต๊ก ซิตี้ เพิ่งจะหลุดเข้ามาได้เป็นครั้งแรกจากประวัติศาสตร์ 148 ปีของทีม
เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ
สถิติตลอดกาล
เจอกันทั้งหมด 96 นัด แมนฯ ซิตี้ ชนะ 40 เสมอ 21 แพ้ 35
เจอกันใน เอฟเอ คัพ 7 นัด แมนฯ ซิตี้ ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 3
ผลงานเจอกันในลีก ฤดูกาล 2010-2011 : สโตค ซิตี้ เสมอ แมนฯ ซิตี้ 1-1
เจอกันล่าสุดใน เอฟเอ คัพ : สโตค ซิตี้ ชนะ แมนฯ ซิตี้ 3-1 (รอบ 32 ทีมสุดท้าย ฤดูกาล 2009
ผลการพบกันของทั้งสองทีม
27/11/10 สโต๊ก เสมอ แมนฯ ซิตี้ 1-1
25/02/10 สโต๊ก ชนะ แมนฯ ซิตี้ 3-1
17/02/10 สโต๊ก เสมอ แมนฯ ซิตี้ 1-1
14/02/10 แมนฯ ซิตี้ เสมอ สโต๊ก 1-1
26/12/09 แมนฯ ซิตี้ ชนะ สโต๊ก 2-0
31/01/09 สโต๊ก ชนะ แมนฯ ซิตี้ 1-0
26/10/08 แมนฯ ซิตี้ ชนะ สโต๊ก 3-0
29/01/98 สโต๊ก แพ้ แมนฯ ซิตี้ 0-1
28/12/98 สโต๊ก ชนะ แมนฯ ซิตี้ 2-1
03/05/98 สโต๊ก แพ้ แมนฯ ซิตี้ 2-5
แมนฯ ซิตี้
ฟอร์ม 5 นัดหลังสุด
11/05/11 ชนะ สเปอร์ส 1-0 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
07/05/11 แพ้ เอฟเวอร์ตัน 1-2 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
01/05/11 ชนะ เวสต์แฮม 2-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
26/04/11 ชนะ แบล็คเบิร์น 1-0 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
16/04/11 ชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-0 (กลาง) เอฟเอ คัพ
ผลงาน 5 นัดหลังสุดในเอฟเอ คัพ
16/04/11 ชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-0
13/03/11 ชนะ เรดดิ้ง 1-0
03/03/11 ชนะ แอสตัน วิลล่า 3-0
20/02/11 ชนะ น็อตต์ส 5-0
30/01/11 เสมอ น็อตต์ส 1-1
สโต๊ก
ฟอร์ม 5 นัดหลังสุด
08-05-11 ชนะ อาร์เซน่อล 3-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
30-04-11 เสมอ แบล็คพูล 0-0 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
27-04-11 ชนะ วูล์ฟส์ 3-0 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
23-04-11 เสมอ แอสตัน วิลล่า 1-1 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
17-04-11 ชนะ โบลตัน 5-0 (กลาง) เอฟเอ คัพ
ฟอร์ม 5 นัดหลังสุดในเอฟเอ คัพ
17/04/11 ชนะ โบลตัน 5-0 (กลาง)
13/03/11 ชนะ เวสต์แฮม 2-1 (เหย้า)
19/02/11 ชนะ ไบรจ์ตั้น 3-0 (เหย้า)
30/01/11 ชนะ วูล์ฟส์ 1-0 (เยือน)
19/01/11 ชนะ คาร์ดิฟฟ์ 2-0 (ต่อเวลา) (เยือน)
แมนฯ ซิตี้
โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือชาวอิตาเลี่ยน แทบไม่เหลือปัญหาอะไรให้หนักใจ เว้นแค่กรณีของ คาร์ลอส เตเวซ ดาวยิงกัปตันทีม ที่เพิ่งหายเจ็บเอ็นหลังหัวเข่ากลับมาเล่นได้ท้ายเกมกับ สเปอร์ส หลังพักมานาน ถ้า เตเวซ ลงไม่ได้ มันโช่ ก็ยังมีตัวเลือกอีก 2 ทางอย่าง มาริโอ บาโลเตลลี่ กองหน้าอิตาเลี่ยน หรือ เอดิน เชโก้ กองหน้าบอสเนียฯ ส่วนอื่นๆ นับว่าสมบูรณ์พร้อม แกเร็ธ แบร์รี่ หายเจ็บเอ็นหลังหัวเข่ากลับมาแล้ว จะเสียบแทน เจมส์ มิลเนอร์ เพื่อคุมกลางสนามพร้อมกับอีก 2 มิดฟิลด์อย่าง ยาย่า ตูเร่ และ ไนเจล เด ยองก์ ตัวทำเกมริมเส้นเป็น อดัม จอห์นสัน และ ดาบิด ซิลบา
สโต๊ก ซิตี้
ฟอร์มระยะหลังของ สโต๊ก ก็ดีเยี่ยมสม่ำเสมอ ไม่แพ้ใครมา 5 เกม ล่าสุดพึ่งสยบ อาร์เซน่อล ถึง 3-1 และยังได้ข่าวดีกระทบชิ่ง จากการที่ แมนฯ ซิตี้ ยึดท็อป 4 ได้แล้ว เท่ากับส่งให้ "เดอะ พ็อตเตอร์ส" ได้ไปยูฟ่า ยูโรปา ลีก ซีซั่นหน้า แน่นอนแล้ว ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะในเกมนี้ อย่างไรก็ดี โทนี่ พูลิส มีปัญหาสภาพทีมพอสมมควรทีเดียว กับ 2 แข้งหลักอย่าง แม็ทธิว เอเธอริงตัน ตัวริมเส้นคนสำคัญ และ โรเบิร์ต ฮูธ เซนเตอร์แบ็กเยอรมัน ที่อยู่ในช่วงเรียกความฟิต ถ้าทั้งคู่เล่นไม่ไหว เกล็นน์ วีแลน กับ อับดูลาย ฟาย จะเสียบแทนไป ส่วนตัวที่เจ็บอยู่ก่อนอย่าง ริคาร์โด้ ฟูลเลอร์ (เอ็นร้อยหวาย), แดนนี่ ฮิกกินบอตแธม (เอ็นหัวเข่า) และ มามาดี้ ซิดิเบ้ จะไม่อยู่ในทีมแน่นอน สำหรับตำแหน่งผู้รักษาประตู โธมัส โซเรนเซ่น จอมเก๋าทีมชาติเดนมาร์ก น่าจะเป็นตัวเลือกก่อนมือหนึ่งอย่าง อัสเมียร์ เบโกวิช เนื่องจาก โซเรนเซ่น ได้สิทธิ์เฝ้าเสาในเกมบอลถ้วยมาตลอดรอบก่อนนี้
ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
แมนฯ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท - ปาโบล ซาบาเลต้า, แว็งซ็องต์ ก็องปานี, ไมกาห์ ริชาร์ดส์, อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ - ยาย่า ตูเร่, ไนเจล เดอ ยองก์, แกเร็ธ แบร์รี่ - อดัม จอห์นสัน, ดาบิด ซิลบา, มาริโอ บาโลเตลลี่ (คาร์ลอส เตเวซ)
สโต๊ก : โธมัส โซเรนเซ่น - มาร์ก วิลสัน, ไรอัน ชอว์ครอสส์, อับดูลาย ฟาย (โรเบิร์ต ฮูธ), แดนนี่ คอลลินส์ - เจอร์เมน เพนแนนท์, เกล็นน์ วีแลน, ดีน ไวท์เฮด, รอรี่ ดีแล็ป - โจนาธาน วอลเตอร์ส, เคนวิน โจนส์
