Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - Journalist

Pages: 1 ... 59 60 [61]
901

       ต้องจัดให้เป็นอีกหนึ่งมหากาพย์การย้ายทีมจริงๆ สำหรับเคสของ เอดิสัน คาวานี่ กองหน้าทีมชาติอุรุกวัย ซึ่งมีข่าวคราวการย้ายทีมมานานมาก แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่อาจลงเอยกับทีมใดได้สักที เรียกได้ว่าคนที่ลุ้นข่าว ตามข่าว ลุ้นกันจนเลิกลุ้น เลิกรอไปแล้ว ส่วนทีมที่เข้ามามีข้าวร่วมวงสำหรับการพาคาวานี่ย้ายทีมก็มีมากมาย แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นยักษ์ใหญ่หน้าเดิมๆ ที่จ้องคว้านักเตะดังๆทั่วโลกไปอยู่ในอ้อมอก เช่น ทีมเปแอสเช แมนฯซิตี้ รีล มาดริด และเชลซี กระนั้นถ้าดูความเป็นไปได้ในปัจจุบัน เชลซี มาเป็นอันดับหนึ่งครับ

       เพราะข่าวแว่วๆว่ามีการตกลงเรื่องค่าตัว เงื่อนไขกันเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็ไม่รู้จริงหรือไม่นะครับ อาจเป็นเพียงข่าวลือแบบเดิมๆที่มาแล้วก็ผ่านไป ปล่อยให้ระยะเวลาของดีลนี้ยืดยาวมาเป็นมหากาพย์อย่างทุกวันนี้ อย่างไรก็ตามที ผมมีความเห็นว่าสิ่งที่ทำให้ความยืดยาวครั้งนี้ยืดยาวไปเรื่อยๆอีกได้ก็คือ อุปสรรคในการย้ายทีมที่ขวางกั้นหน้าคาวานี่เอาไว้  สัญญาที่คาวานี่เซ็นต์ไว้กับนาโปลีเองนั่นล่ะ โดยจะว่ากันไปถึงความคุ้มค่าว่าคุ้มไหมสำหรับการจ่ายค่าฉีกสัญญาแพงๆให้กับคาวานี่ อาจคุ้มสำหรับหลายสโมสร ทว่าสโมสรต่างๆอาจมีตัวเลือกที่น่าจะคุ้มกว่า คือไม่ต้องจ่ายค่าฉีกสัญญาแพง หลายสโมสรจึงอาจเลือกเก็บเอาคาวานี่ไว้เป็นตัวเลือกลำดับท้ายๆ อีกอย่างทีมที่จะมีกำลังยื่นซื้อคาวานี่พร้อมค่าฉีกสัญญาก็มีไม่กี่ทีม นั่นหมายถึงคู่แข่งในการแย่งคว้าตัวคาวานี่มีไม่มาก

       ดังนั้นถ้าทีมสโมสรต่างๆที่อยู่ในข่ายจะคว้าตัวคาวานี่ไปร่วมทีมได้ ซึ่งมีไม่กี่ทีม ประกอบไปด้วย มาดริด เปแอสเช แมนฯซิตี้ และเชลซี สามารถได้เป้าหมายรายอื่นๆมาร่วมทีม และเป็นตัวที่มีศักยภาพ หรือความสามารถพอๆกับเอดิสัน คาวานี่ ก็เป็นไปได้ว่าดีลการย้ายทีมของคาวานี่จะยังไม่เกิดขึ้นจริงๆในเร็ววันนี้ อาจต้องรอไปอีกอยากน้อย 1-2 ฤดูกาลเลยก็ได้ แต่ทั้งนี้ไม่ว่าจะนานอีกสักกี่ฤดูกาล ผมก็ค่อนข้างมั่นใจว่าคาวานี่ต้องย้ายออกจากนาโปลีอย่างแน่นอน

902

       ดูเหมือนภายหลังจากที่สโมสรเรือใบสีฟ้า แมนฯเชสเตอร์ซิตี้ ได้กลายเป็นสโมสรเงินถุง เงินถัง การเก็บนักเตะอายุมากๆ หรือนักเตะตัวเก๋าๆกับทีมไว้ในทีมก็จะไม่ใช่นโยบายที่แมนฯซิตี้ต้องการซะแล้ว ก็อย่างที่เห็นว่าแมนฯซิตี้เน้นการทุ่มทุนซื้อนักเตะดีๆ ดังๆที่ใช้งานได้ทันที และมีความสดใหม่อยู่ด้วย เรียกง่ายว่าเมื่อมีเงินเหลือเฟือแล้วก็ไม่ได้มีความจำเป็นที่ต้องฟื้นใช้งานนักเตะอายุมากๆที่สภาพร่างกายไม่ฟิตเหมือนนักเตะที่ยังอายุน้อย ปฏิบัติการโละนักเตะตัวเก๋าๆออกจากทีมจึงเริ่มเกิดขึ้นในทีมเรือใบสีฟ้า

       แต่จะว่านักเตะตัวเก๋า อายุมากๆที่แมนฯซิตี้เริ่มโละทิ้ง ก็ล้วนแต่เป็นนักเตะที่มีชื่อเสียง ฝีเท้าดีใช่ย่อยเลย เช่น คาร์ลอส เตเบซที่ตัดสินใจย้ายไปอยู่กับยูเวนตุส โคโล่ ตูเร่ที่ย้ายไปอยู่กับลิเวอร์พูล และในรายล่าสุดที่มีข่าวแว่วๆว่ากำลังจะย้ายเช่นกันก็คือ แกเร็ธ แบร์รี่ ซึ่งสามรายนี้ต่างก็เป็นนักเตะที่แฟนบอลพรีเมียร์ลีก และแฟนบอลยุโรปรู้จัก คุ้นชื่อกันดีมากๆ แล้วในหลายๆปีก่อนนักเตะเหล่านี้ก็เป็นที่ต้องการของทีมฟุตบอลใหญ่ๆหลายทีมด้วย ก็อย่างว่าแหละครับ ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น ทีมเงินถุงเงินถังอย่างแมนฯซิตี้ก็คงไม่โดดร่วมวงแย่งซื้อตัวเข้ามาอยู่ในทีมหรอก เพียงแต่ ณ เวลานี้ผู้เล่นในวัยที่เลยเลขสามไปแล้วสำหรับแมนฯซิตี้อาจเรียกได้ว่า หมดอายุการใช้งานไปแล้วจึงต้องโละออกจากทีม

       ทว่าถึงแม้นักเตะเหล่านี้จะไม่ได้เป็นที่ต้องการของแมนฯซิตี้แล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่สามารถทำประโยชน์ให้กับทีมอื่นๆได้ คือบางทีในระยะเวลาของการค้าแข้งที่เหลือน้อยก็เป็นสิ่งที่ผลักดันฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมออกมาได้อย่างน่าชื่นชม เพราะช่วงอารมณ์สำหรับนักเตะที่กำลังจะปิดฉากการค้าแข้งของตนเอง ก็น่าจะอยากทำผลงานดีๆทิ้งท้ายไว้ให้เป็นที่น่าจดจำ และสิ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่นักเตะอย่าง เจมี่ คาราเกอร์ได้พิสูจน์ไว้ใหทุกคนในวงการฟุตบอลอังกฤาได้เห็นเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา

903

       จะเลือกกล่าวถึงอนาคตของนักเตะในถิ่นลิเบอร์ตี้ สเตเดี้ยมของหงส์ขาว สวอนซี ซิตี้ สักคนนึง แอชลี่ย์ วิลเลี่ยมส์ น่าจะเป็นนักเตะคนนั้นที่น่ากล่าวถึงมากที่สุด จากผลงานการเป็นปราการหลังตัวสำคัญให้สวอนซี ซิตี้ในฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งสร้างความประทับใจให้ทีมน้อยใหญ่ ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษอย่างมาก จึงทำให้อนาคตของเขากับสวอนซี ซิตี้ชักจะไม่แน่นอนซะแล้ว แต่ถ้าว่าถึงความเป็นไปได้ในการย้ายทีม ผมก็ว่าตอนนี้ไม่ได้มีมากกว่าโอกาสในการอยู่เล่นต่อในถิ่นลิเบอร์ตี้ สเตเดี้ยม ด้วยความที่อายุอานามของวิลเลี่ยมส์ก็ใกล้เลข 3 แล้ว ประกอบกับราคาที่สวอนซีต้องการสำหรับเป็นค่าตัวของเขาก็อาจจะมากไปที่ทีมอื่นๆจะยินดีจ่าย

       อีกอย่างทีมสวอนซีก็เป็นหนึ่งทีมที่ดูดีมีอนาคตในพรีเมียร์ลีกมากๆ แม้ว่าจะยังไม่ถึงขั้นทีมหัวแถว ทีมแย่งแชมป์ อะไรแบบนั้น แต่เชื่อว่าถ้าเทียบกับทีมตั้งแต่กลางตารางลงมาถึงท้ายตาราง สวอนซีน่าจะเป็นทีมที่ดีที่สุดแล้ว ดังนั้นไม่เสียหายอะไรถ้าวิลเลี่ยมส์จะตัดสินใจเล่นให้สวอนซีต่อไป ดีกว่าไปเสี่ยงวัดดวงว่าย้ายไปอยู่ทีมที่ใหญ่กกว่าแล้วจะได้โอกาสลงเล่นไหม หรือจะประสบความสำเร็จอย่างที่ใจคิดไหม แต่ถึงกระนั้น หากว่าใจอยากจะย้าย คือไม่คิดว่าสวอนซีคือทีมสุดท้ายที่จะเล่นให้ คิดว่าสักวันหากมีโอกาสที่ดีกว่านี้ก็อยากจะคว้ามันไว้ ช่วงเวลานี้ถือว่าเหมาะสมที่สุดแล้วสำหรับการย้ายทีม เพราะอะไรถึงเป็นแบบนั้น เรื่องแรกก็เป็นเรื่องของอายุอยู่ดี ถ้าปล่อยล่วงเลยไปอีกสัก 1-2 ฤดูกาล

       อายุของ แอชลี่ย์ วิลเลี่ยมส์ ก็อาจจะมากเกินความต้องการของสโมสรใหญ่ๆ เพราะคงไม่อยากมีสโมสรไหนลงทุนซื้อนักเตะไปแล้วใช้งานได้เพียง 1-2 ปีก็ใช้งานต่อไม่ได้ เรื่องที่สอง ผลงานที่ทำไว้เมื่อฤดูกาลที่แล้วเป็นสิ่งที่ทำให้สโมสรใหญ่ๆพร้อมให้โอกาสเขาลงสนาม ทว่าหากเริ่มฤดูกาลใหม่กับสวอนซีแล้วไม่สามารถทำผลงานได้ดีแบบฤดูกาลที่แล้ว สโมสรใหญ่ๆก็อาจไม่ต้องการตัวเขาแล้วก็ได้

904
       หลังจากปิดฤดูกาลไปสักพักใหญ่ๆแล้ว บรรดานักเตะของทีมสโมสรต่างๆในยุโรปก็จะพักเหนื่อยกันเต็มที่แล้ว หลังจากนี้ก็จะได้ถึงโปรแกรมการฝึกซ้อมของสโมสรกันแล้ว ซึ่งทีมอื่นไม่รู้ว่ายังไงนะครับ แต่ตอนนี้ตามที่เห็นในข่าวทีมที่กระตื้อรื้นร้นกับการฝึกซ้อมที่สุดก็คือ หงส์แดง ลิเวอร์พูลของเกาะอังกฤษ โดยมีการเริ่มเปิดสนามซ้อมด้วยผู้เล่นตัวหลักของทีมพร้อม หน้าพร้อมตา ทั้งสตีเฟ่น เจอร์ราร์ด มาร์ติน สเคอเทล ดาเนียล แอกเกอร์ และโคโร่ ตูเร่ที่ย้ายมาใหม่ด้วย

       นอกจากนี้นักเตะใหม่ๆอย่าง ซิมง มิโญเล่ ยาโก้ อัสปาส หลุยส์ อัลแบร์โต้ ก็เข้าร่วมการฝึกซ้อมของสโมสรลิเวอร์พูลแล้วเช่นกัน ฉะนั้นจะว่าไปแล้วการเร่งเสริมทัพ ปิดดีลนักเตะรายใหม่ๆถึง 4 รายในเวลาอันรวดเร็วก็ถือเป็นการกระทำที่มีประโยชน์มากๆของทีมหงส์แดง เพราะพวกเขาจะมีเวลาสำหรับการเตรียมต้อนรับฤดูกาลใหม่ที่มากกว่าทีมอื่น นักเตะใหม่ในทีมลิเวอร์พูลก็ได้เวลาในการปรับตัว เตรียมความพร้อมมากกว่าทีมอื่นๆ ได้ซ้อมร่วมกันกับผู้เล่นเก่าๆในระยะเวลาที่มากพอ จนอาจทำให้เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน และเกิดระบบการเล่นที่ดี ไม่แน่ว่าเมื่อเริ่มต้นฤดูกาลใหม่มา ลิเวอร์พูลอาจจะออกสตาร์ทด้วยฟอร์มการเล่นอันน่าตื่นตา ตื่นใจในทันทีเลยก็ได้ โดยถ้าเป็นเช่นนั้นจริงทีมอื่นๆก็คงต้องหันมาให้ความสำคัญสำหรับการเตรียมทีมในระยะเวลาอันรวดเร็วเหมือนที่ลิเวอร์พูลทำบ้างแล้วล่ะ

       อย่างไรก็ตามการเตรียมทีม เริ่มต้นซ้อมของลิเวอร์พูลครั้งนี้ ไม่ใช่จะใช้สำหรับการแข่งขันในฤดูกาลใหม่ทันที ทว่าจะเป็นการใช้มันในการแข่งขันปรีซีซั่นที่เอเชียก่อน ซึ่งแน่นอนหนึ่งในปลายทางของลิเวอร์พูลก็คือที่ประเทศไทย ดังนั้นเราจะได้เห็นผลของการเตรียมทีมอันรวดเร็วของลิเวอร์พูลจากผลการแข่งขันในประเทศไทยเรานี่แหละ ว่ามันมีประโยชน์มากเพียงใด แล้วมันก็อาจส่งผลไปต่อฟอร์มการเล่นในช่วงต้นฤดูกาลใหม่จริงๆด้วย

905

       ดีลการเซ็นต์สัญญาระหว่างลิเวอร์พูล กับ โคโล่ ตูเร่ กองหลังพันธุ์แกร่งชาวไอเวอรี่โคสต์ ถือเป็นอีกดีลที่ต้องยกให้เป็นดีลที่ยอดเยี่ยมสำหรับลิเวอร์พูล เพราะตูเร่เป็นหนึ่งนักเตะที่ฝีเท้าได้รับการยอมรับทั่วทั้งงการฟุตบอล ชื่อเสียงในวงการก็มากล้น แถมการเซ็นต์สัญญาครั้งนี้ลิเวอร์พูลไม่ต้องจ่ายเงินเป็นค่าตัวตูเร่สักแดงเดียว เรียกว่าได้ของดีมาแบบฟรีๆเลย ถ้าไม่ติดว่าอายุอานามของตูเร่นั้นล่วงเลยไปถึง 32 ปีแล้ว

       เรื่องอายุของตูเร่นี้ถึงกับเกิดเป็นคำถามขึ้นมาในใจผมเลยว่า ตูเร่มาลิเวอร์พูลช้าไปหรือเปล่า? จะดีกว่าไหมหากตูเร่ย้ายมาลิเวอร์พูลตั้งแต่เมื่อ 3-4 ปี ซึ่งเวลานั้นตูเร่ก็ยังจะมีตัวเลขอายุอยู่เพียงแค่ 28-29 เท่านั้น สภาพร่างกาย ความฟิต ความพร้อมก็น่าจะมากกว่านี้ แล้วก็คงจะช่วยลิเวอร์พูลได้มากกว่าปัจจุบันเช่นเดียวกันด้วย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความคิดของผมเองคนเดียวหรือเปล่านะ บางทีในช่วงเวลาอาจจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดแล้วก็ได้ ก็ในเมื่อมามองเปรียบเทียบอีกหนึ่งมุม การย้ายมาลิเวอร์พูลช่วงเวลา 3-4 ปีที่แล้ว เรื่องแรกล่ะ การย้ายฟรีๆคงไม่มีทาง อาจต้องมีสัก 10-12 ล้านปอนด์เป็นอย่างน้อยสำหรับค่าตัวตูเร่ อีกทั้งเทียบประสบการณ์ตอนนี้กับตอนนั้นของตูเร่ ตอนนี้ก็ต้องมากกว่าอยู่แล้ว ดังนั้นสิ่งที่ผมคิดตอนแรกอาจผิดก็ได้ ใครจะไปรู้ กระนั้นในส่วนการเซ็นต์สัญญา สำหรับลิเวอร์พูลกับตูเร่ ก็เป็นเพียงการเซ็นต์สัญญากันสั้นๆ 2 ปีเท่านั้น

       มองกันในเรื่องความคาดหวังที่ลิเวอร์พูลคาดหวังจากกองหลังตัวเก๋ารายนี้จึงบอกได้ว่า ไม่มีอะไรมาก อาจต้องการเข้ามาเพื่อแก้ขัดปัญหากองหลังในช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น อย่างไรกุนซือแบรนแดน ร็อดเจอร์สก็คงมองไปที่นักเตะกองหลังอายุน้อยๆที่พึ่งพากันได้แบบยาวๆอยู่ดี สรุปคือตามความคิดผม และแฟนบอลอีกหลายๆคนอาจรู้สึกว่าการมาครั้งนี้ของตูเร่ เป็นการมาที่ช้าไป ทว่าสำหรับทีมลิเวอร์พูลแล้วการมาของตูเร่อาจไม่ได้มีผลอะไรกับสโมสรสักเท่าใดเลย

906

       ริคาโด้ กาก้า เป็นนักเตะอีกหนึ่งรายที่เหมือนจะโด่งดัง และไปได้ไกลมากๆในวงการฟุตบอลปัจจุบัน แต่ทำไปทำมา มีสะดุด จากอาการบาดเจ็บบ้าง ฟอร์มตกบ้าง ตอนนี้ก็เลยเหลือเพียงชื่อเสียงเดิมๆที่เคยสร้างไว้เมื่อตอนจุดพีคเท่านั้น ทว่าสิ่งที่ผม และใครหลายคนอาจเห็นในความผิดพลาดของกาก้า ก็คือ การดื้อดึงอยู่เล่นต่อในรีล มาดริด คือมันไม่อาจปฏิเสธได้หรอกครับว่า รีล มาดริด เป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่ นักเตะคนไหนๆก็อยากเล่นให้ แต่ว่ามันจะดีจริงหรือ? ถ้าอยู่ในมาดริดแล้วต้องนั่งเป็นตัวสำรองยาวๆ

       กาก้าเป็นหนึ่งในนักเตะแบบนั้น โดยที่ช่วงระยะเวลาหลายปีหลัง ก็มีข่าวการย้ายทีมของเจ้าตัวมากมาย มีทีมใหญ่ในยุโรปมากหน้าหลายตาพร้อมสู่ขอเจ้าตัวไปร่วมทีม และก็พร้อมเช่นกันที่จะหยิบยื่นโอกาสในการลงสนามที่ดีกว่าตอนอยู่มาดริดให้ แต่ก็จนแล้วจนรอดเจ้าตัวก็ไม่ยอมไปไหน และเลือกที่จะอยู่สู้ต่อในมาดริด ซึ่งถ้าถามผมว่าการอยู่สู้ต่อในมาดริดของกาก้ามันเป็นการอยู่สู้ต่อจริงหรือ? ผมว่าไม่ มันเป็นการดื้อดึงอยู่เสียมากกว่า ทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีโอกาสได้ลงสนามโชว์ผลงาน อยู่ต่อไปมันจะมีประโยชน์อะไร มีแต่จะทำให้อนาคตในการย้ายทีม โอกาสในการสร้างผลงานลดน้อยลงเรื่อยๆ จริงครับในช่วงที่กาก้าโด่งดัง และตกเป็นสำรองในมาดริดใหม่ๆ มีทีมมากมายที่พร้อมหยิบยื่นโอกาสให้กาก้า แต่เมื่อเขาถูกดองเป็นสำรองในมาดริดนานเรื่อยๆ จนมาถึงตอนนี้

       ทีมต่างๆที่เคยไว้วางใจในฝีเท้ากาก้า ก็คงไม่อาจไว้วางใจในฝีเท้าของกาก้าได้แล้ว คือนักเตะที่ได้ลงสนามสม่ำเสมอ กับนักเตะที่ถูกดองเป็นสำรองนานๆ ผลงาน ความชินกับเกม และประสบการณ์มันแตกต่างกันอยู่แล้ว  แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ ภายหลังการเปลี่ยนผู้จัดการทีมของมาดริด มันก็ไม่ไม่แน่ว่า การตัดสินใจสู้ต่อ หรือเรียกว่าดื้อดึงอยู่ต่อในมาดริดสำหรับกาก้าเนี่ย อาจจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องก็ได้ เพราะผู้จัดการทีมคนใหม่อาจหยิบยื่นโอกาสในการลงสนามให้ทีมมาดริดตามความคาดหวังที่กาก้ารอมานานก็เป็นได้

907

       หากพูดถึงทีมฟุตบอลในประเทศกรีซ ทีมๆนึงที่แฟนบอลน่าจะรู้จักคุ้นหูดีก็คงเป็น ทีมพานาธิไนกอส ซึ่งเคยโชว์ผลงานได้ยอดเยี่ยมเป็นแชมป์ลีกสูงสุดของกรีซมากถึง 20 สมัยด้วยกัน แต่ในช่วงหลังอาจจะห่างหายไปจากความทรงจำของแฟนบอลหน่อย เนื่องจากผลงานอันไม่สู้ดีของพวกเขา อย่างในฤดุกาลล่าสุดพานาธิไนกอสก็จบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 6 ซึ่งเป็นอันดับที่ต่ำกว่าการจะตีตั๋วเข้าไปเล่นฟุตบอลยุโรปในซีซั่นหน้า

       ทว่า ทีมในลีกสูสงสุดของกรีซ ที่เป็นทีมโควตาสุดท้ายที่จะได้เข้าเล่นฟุตบอลถ้วยยุโรปใบเล็ก (ยูโรป้า ลีก) คือทีมอันดับห้า หรือทีมพีเอเอส เจียนจิน่า นั้นเป็นทีมที่เข้าข่ายทีมที่มีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของการเข้าไปลุยศึกฟุตบอลยูโรป้าลีก ทีนี้ก็เลยถือเป็นโอกาสดีของพานาธิไนกอส ที่จบอันดับต่อจากเจียนจิน่า เรียกว่าอาจจะได้เข้าไปเล่นยูโรป้าลีกแบบฟลุ๊ค ว่างั้นน่ะครับ แน่นอนเมื่อเหตุการณ์เป็นแบบนี้ ทางพานาธิไนกอสก็เลยทำการยื่นเรื่องขออนุญาตเข้าเล่นฟุตบอลยูโรป้าลีกในซีซั่นหน้ากับทางด้านยูฟ่าทันที แต่แล้วก็การเป็นว่าเหตุการณ์พลิกอีกครั้ง เพราะคำขอของพานาธิไนกอสถูกปฏิเสธโดยยูฟ่า เรียกว่าทำเอาแห้วกันทั้งทีมเลยครับ อย่างไรก็ตามความหวังของพานาธิไนกอสยังไม่จบเท่านี้หรอกครับ อาจจะยังมีการยื่นเรื่องขออนุญาตกันต่อไปเป็นรอบสองอีก

       แต่ส่วนหากผมให้วิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้สำหรับการที่พานาธิไนกอสจะเข้าร่วมเล่นฟุตบอลยูโรป้าในซีซั่นหน้า หากว่าถูกปฏิเสธมาซะขนาดนี้แล้ว โอกาสมันก็ดูจะลิบหรี่ลงแล้วล่ะครับ คือยูฟ่านั้นเป็นองค์ใหญ่ การจะมากลับคำ อนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ทีมนั้น ทีมนี้เข้าเล่นในรายการฟุตบอลสโมสรระดับยุโรปก็คงไม่ใช่เรื่องที่เป็นผลดีสักเท่าไหร่ เว้นเสียแต่ว่าการยื่นขอเข้าร่วมแข่งขันยูโรป้าลีกของพานาธิไนกอสที่ยื่นไปนั้นไม่ถูกต้องตามกฎ หรือขั้นตอน ซึ่งเป็นแบบนั้น การแก้ไขใหม่ให้ถูกต้องตามกฎ ตามขั้นตอนก็ยังพอมีความหวังที่จะได้ร่วมเล่นครับ

908

       จะเรียกว่าเป็นการหวนคืนฟอร์มอันสุดยอดอีกครั้งของ เฟร์นานโด ตอเรส ก็คงจะไม่ผิดนัก สำหรับทัวร์นาเม้นท์ทีมชาติ คอนเฟเดอเรชั่นส์ คัพ ที่บราซิล โดยทัวร์นาเม้นท์นี้ ตอเรสถือเป็นนักเตะคนนึงที่โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมมาก สามารถยิงประตูได้เฉียบคมสมกับที่เป็นกองหน้าระดับโลก เมื่อปิดท้ายทัวร์นาเม้นท์ตอเรสจึงได้ซิวรางวัล ดาวซัลโวสูงสุดไปครอง แม้ว่าทีมชาติสเปนจะได้เพียงแค่รองแชมป์ของรายการนี้เท่านั้น

       อย่างไรก็ตาม ผลงานอันยอดเยี่ยมในทัวร์นาเม้นท์นี้ของตอเรส อาจเป็นจุดเริ่มต้นของฟอร์มอันร้อนแรงตลอดฤดูกาลหน้าหรือเปล่า? น่าสนใจเหลือเกินครับ แฟนบอลหลายคนอาจคิดว่าตอเรสเลยจุดสูงสุดไปแล้ว เหมือนอย่างที่บรรดาอดีตนักเตะรุ่นเก๋าๆเคยฟันธงไว้ว่า ตอเรสไม่อาจหวนคืนจุดสูงสุดได้แล้ว ทว่าทั้งหมดทั้งมวลผมคิดว่าอยู่ที่ตอเรสคนเดียวที่จะแสดงให้ใครๆได้เห็นว่าจริงๆแล้วตนยังหวนคืนฟอร์มอันยอดเยี่ยมเหมือนครั้งเล่นให้ลิเวอร์พูลได้หรือไม่? คือต่อจะให้มีอดีตนักเตะเก่งๆ ดังๆมาฟันธงเป็นร้อย เป็นพันคนก็ว่าตอเรสเลยจุดนั้นมาแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าในความเป็นจริงจะเป็นเช่นนั้น ถึงคำพูดของอดีตนักเตะดังๆ เก่งๆจะดูแล้วน่าเชื่อถือ แต่ยังไงๆมันก็ไม่มีใครรู้อนาคตใครอยู่วันยังค่ำ และบางทีผมว่าตอเรสก็อาจจะแสดงการหักปากกาเซียน ด้วยการหวนกลับมาเป็นนักเตะกองหน้าที่ทีมไหนๆทั่วโลกต่างก็อยากได้ไปร่วมทีมอีกครั้ง ก็เป็นได้

       ชนิดที่ว่าลิเวอร์พูลเองก็อยากได้ตัวกลับมาร่วมทีมอีกครั้ง ส่วนในขณะนี้ หรือความเป็นจริงปัจจุบัน แม้ว่าผลงานในคอนเฟเดอเรชั่นส์ คัพ ของตอเรสจะคือการคว้ารางวัลดาวซัลโว กระนั้นก็อนาคตของเขาในทีมเชลซีก็ยังลุ่มๆดอนๆ เพราะเชลซีอาจจะไม่อยากเก็บเข้าไว้ใช้งานสักเท่าไหร่ แถมการจะย้ายไปอยู่ในทีมอื่นๆก็ไม่ได้มีข่าวว่ามีทีมไหนต้องการซื้อตัวเขาไปร่วมทีมแบบจริงจัง จะมีข่าวออกมาก็เป็นในทางดีลการแลกเปลี่ยนที่ทางเชลซีจะยื่นข้อเสนอไปให้ทีมอื่นๆเท่านั้นเอง

Pages: 1 ... 59 60 [61]